ระดับความเข็มข้นทางสรีร...ของ triglycerides ของคนเรา
ระดับปกติจะมีค่าระหว่าง 10 – 70 mg/dL, ถ้าค่ามากกว่า 150 mg/dL
ถือว่าผิดปกติ, ถ้ามีค่าระหว่าง 200 – 500 mg/ dL ถือว่ามีค่าสูง
(พิจารณาตาม The National Cholesterol Education Program หรือ NCEP )
คำถามที่แพทย์มักจะถูกถามเสมอ คือ เมื่อมัน (Triglycerides) สูง
ควรได้รับการรักษาหรือไม่... มีหลักในการปฏิบัติกันอย่างไร ?
ถ้าค่าของ triglycerides มาก(สูง) กว่า 500 mg / dL
มันอาจก่อให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนได้ (pancreatitis)
ค่า TG อยู่ระหว่าง 200 – 500 mg / dL ร่วมกับอนุภาคตัวอื่น ๆ
(normal lipid subfractions) นั้น เราไม่ทราบชัดว่า มันมีส่วนร่วมกับ
การเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือไม่...
แม้กระทั้งคนไข้ที่เป็น familial hypertriglyceidemia (Fredrickson type IV)
ไม่ปรากกว่า มีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคหลอดเลือด ของหัวใจ
อย่างไรก็ตาม คนไข้ที่มีระดับ triglycerides สูง มักจะมีความผิดปกติใน
ระดับไขมันตัวอื่น ๆ ด้วย เช่น LDL cholesterol มีค่าสูง
และ HDL cholesterol มีค่าต่ำ
นอกจากนั้น คนที่มี triglycerides สูง มักจะมีกลุ่มอาการของ metabolic syndrome
เช่น ความอ้วนหน้าท้องหนาด้วยไขมัน, ความดันโลหิตสูง, ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน,
HDL cholesterol ต่ำ และ triglyceride มีระดับสูง
ซึ่ง เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดของหัวใจเป็นอย่างดี
หรือจะกล่าวว่า ระดับของ triglycerides ถูกทำให้เราคิดว่า เป็น ตัวที่บ่งบอกให้รู้
ถึงสภาพของเจ้าของว่า เป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำงานนั่งโต๊ะเสียเป็นส่วนใหญ่
ชอบรับประทานของหวานเป็นประจำ มีน้ำหนักตัวสูง และ อ้วน โดยเฉพาะบริเวณรอบบั้นเอว
มีผลของการศึกษามากมาย ระบุว่า triglyceride ที่สูงนั้น เป็นปัจจัยเสี่ยง
อิสระสำหรับทำให้เกิดโรคหลอดเลือดของหัวใจ (CAD)
ความเสี่ยงดังกล่าว มันจะพบในสตรีเพศ และ ในคนไข้ที่เป็นเบาหวาน หรือ ในคนที่เป็น CHD
ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดของหัวใจ มักจะเกิดในคนไข้ที่มีระดับ LDL-C สูง และ ระดับ HDL-C ต่ำ
ความเสี่ยงที่เกิดจาก Triglycerides สามารถทำให้เบาบางลงได้บ้าง
เมื่อเราทำการควบคุมระดับของ HDL-C แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่
จากการศึกษาเพื่อประเมินความเสี่ยงจากการมีระดับ triglycerides สูง
พบว่า ทุก 88 mg / dL ของจำนวน triglycerides ที่สูงขึ้นเกินระดับปกติ
จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดของหัวใจในชาย 14 % และ
ในหญิง 37 %
สาเหตุของการมีความเสี่ยงที่หลงเหลือต่อการทำให้เกิดโรคเส้นเลือดตีบแข็ง
เป็นเพราะไขมัน triglyceride ทำหน้าที่แทน (surrogate marker)
อนุภาคของสาร ที่เป็นตัวทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดตีบแข็ง
จากการตรวจดูระดับไขมันตามปกติ (lipid profile)
สามารถคำนวณหาค่าของสารที่ทำให้เกิดการตีบตันของเส้นเลือด
(atherogenic load) ได้ ด้วยการประเมินหาค่าของ non-HDL-Cholesterol
ซึ่งมีค่า = (Totol cholesterol) minus (HDL-C)
The NCEP Adult Treatment Panel III (ATP III) ได้แนะนำ ให้หาค่าของ
non-HDL-C ในคนไข้ทุกรายที่มีระดับ triglyceride มากกว่า 200 mg / dL
บางคนมีความเห็นว่า ควรตรวจหาค่าของ non-HDL-C ในคนไข้ทุกราย
ที่มีความสัมพันธ์กับโรค CHD มากว่าที่จะใช้ LDL-C
ในการรักษาคนไข้ที่มีระดับ triglyceride มากกว่า 500 mg / dL
ควรดำเนินการทันที เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ
(pancreatitis) โดยทั่วไป แพทย์จะให้ยาในกลุ่ม fibrate เป็นตัวแรก
ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรักษา (therapeutic lifestyle changes)
สำหรับรายที่มีระดับ TG 200 – 500 mg / dL ควรเริ่มการรักษาด้วย
พฤติกรรมรักษาก่อน พร้อม ๆ กับการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดมีระดับ TG
ขึ้นสูง เช่น โรคต่อมไทรอยด์ (hypothyroidism) เบาหวาน (DM) และ
ความอ้วน (obesity) แล้วจัดการรักษาภาวะดังกล่าวซะ
หาก ระดับ triglyceride ยังคงสูง NCEP-ATP III guideline
แนะนำให้ทำการรักษา ด้วยการควบคุม (รักษา) LDL cholesterol ก่อน
จากนั้น จึงหันมาจัดการกับระดับ non-HDL-C ให้ลงสู่ระดับเป้าหมาย
ยาที่ใช้ในกลุ่มนี้ คือ statins ซึ่งจะต้องค่อย ๆ เพิ่มจากน้อยไปหมาก
เราอาจให้ยาร่วมกัน ระหว่าง statin และ fibrate (ถ้าจำเป็น)
ยาที่แนะนำ เพื่อความปลอดภัยจากควรใช้ Fenofibrate เพราะยา
gemfibrozil (lopid) มีโอกาสทำให้เกิดการทำลายกล้ามเนื้อได(rhabdomyolysis)
Omega-3 fatty acid ได้รับการยอมรับว่า ให้ใช้รักษาคนไข้ที่มีระดับ
Triglycerides สูง โดยให้ร่วมกับยา statin
นอกเหนือจากนั้น niacin ก็เป็นยาอีกตัว ที่นำมาใช้ร่วมกับยา
simvastatin (Simcor)
ในรายที่มีระดับ triglycerides สูงพอประมาณ (isolate
Moderate hypertriglyceriemia) ตาม NCEP-ATP III guideline
เขาไม่มีคำแนะนำเฉพาะเพื่อการรักษาคนไข้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในคนไข้ที่มี triglyceride สูง แต่ LDL-C และ
HDL-C มีค่าปกติ อาจเป็นการดีสำหรับคนไข้ ด้วยการให้ยา
ลดระดับ triglyceride ที่มีระดับสูง โดยเฉพาะคนไข้ที่มีความเสี่ยงต่อ
การเกิดโรค CHD และ Type 2 diabetes
คนไข้ทุกรายที่มีระดับ triglycerides สูง ควรหยุดการสูบบุหรี่ ออกกำลัง
กายอยางสม่ำเสมอ รับประทานอาหารสุขภาพ
www.aafp.org/afp/2011/0201/p242.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น