วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) (2): มันเป็นโรคผิวหนัง หรือโรคไขข้อ... ?


Aug. 29,2013

The Diagnosis Dilemma

โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน...
มันจะถูกวินิจฉัยด้วยการตรวจผิวหนัง และข้อต่าง ๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจผิวหนัง (rashes), ดูเล็บ ว่า
มีความผิดปกติ (pitting or detachment),
ตรวจดูข้อว่า มีอาการของข้ออักเสบหรือไม่ ?

การตรวจอย่างอื่น ๆ ได้แก่ เอกซ์เรย์เพื่อตรวจดูว่า กระดูกและข้อมีการ
ทำลายหรือไม่? ตัดเอาหนังไปทำการตรวจ เพื่อแยกโรคว่า มีโรคผิว
หนังอย่างอื่นรือไม่ ?

นอกจากนั้น แพทย์อาจถามถึงสมาชิกในครอบครัวของท่านว่า...
มีใครที่เป็นโรคดังกล่าวด้วยหรือไม่ ?

การตรวจเลือดก็มีประโยชน์เช่นกัน...
โดยแพทย์อาจสั่งตรวจดูว่า C-reactive protein ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกให้
ทราบว่า ร่างกายมีการอักเสบ, มีการตรวจหา rheumatoid factor
แต่คนที่เป็นโรคข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินจะไม่พบ rheumatoid factor เลย 
ยกเว้นในรายที่เป็นโรค RA อาจพบได้ (ไม่ร้อยเปอร์เซนต์)
นอกจากนั้น แพทย์จะสั่งให้ตรวจหา sedimentation rate
ซึ่งถ้าทีค่าสูงมากเท่าใด ย่อมบ่งบอกให้ทราบถึงการอักเสบมีมากเท่านั้น

Treating the Disease – And More

ในการรักษาโรคไข้อักเสบสะเก็ดเงิน
ในขณะพยายามยุติการพัฒนาไม่ให้โรคดำเนินต่อไปนั้น แพทย์จะควบ
คุมอาการปวด และการอักเสบ...

ในการควบคุมอาการของโรคมักจะประกอบด้วยการให้ยาลดอาการปวด
ด้วยยาแก้ปวด (analgesics) และลดการอักเสบด้วยยากลุ่ม NSAIDs
ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบไปพร้อมๆ กัน หรือ
ใช้ยากลุ่ม corticosteroids เพื่อลดการอักเสบ

ในการควบคุมต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบสะเก็ด...
แพทย์จะใช้ยากลุ่ม Disease modifylinganti-rheumatic drugs (DMARDs)
เช่น sulfasalazine (Axufidine), methotrexate3 (Rheumatrex, Trexall),
Cyxlosporine (Neoral, Sandimmune), leflunomide (Arava)
และ azathioprine (Azasan, Imuran)

นอกจากยากลุ่ม DMARDs แล้ว ในปัจจุบันแพทย์นิยมใช้ยากลุ่ม biologic
Respone midifiers (ซึ่งเป็น sub-categoryของ MMARDs) เป็นยารักษา
โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันไม่ตอบสนองต่อยารักษาโดยกลุ่ม DMARDs

ยาในกลุ่ม biologics ที่ใช้รักษาโรคไข้ข้อสะเก็ดเงิน (PsA) เป็นประจำ
ได้แก่ etamercept (Enbrel), infliximab (Remicade) และ adalimumab (Humira) 
โดยยากลุ่มนี้จะทำหน้าที่ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างสารทำลาย (damaging agents) 
เช่น tumor necrosis factor Alpha เพิ่มมากขึ้น...
ซึ่งเชื่อว่า เป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้มีการอักเสบเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยาทุกตัวต่างมีผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย
ในการใช้ยากลุ่ม biologics จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบติด
เชื้อ หรือวัณโรคได้สูงมาก...ต้องระวังเอาไว้!

ในโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (PsA) ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะข้อเท่านั้น...
ตามเป็นจริง มันกระทบกับร่างกายได้ทั้งระบบ ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า,
เป็นโรคโลหิตจาง และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

มีคนไข้โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินจำนวนไม่น้อยเกิดม่านตาอักเสบ (uveitis),
อักเสบของตาส่วนกลาง และส่วนหลังของลูกตา หากไม่ได้รับการรักษา
สามารถทำให้เกิดตาบอดได้

นอกจากนั้น ยังพบว่า หัวใจ, ปอด และระบบกระเพาะลำไส้ต่างมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคได้เช่นกัน ดังนั้น ในคนไข้ที่เป็นโรค PsA ควรได้รับการตรวจ
สอบร่างกายทุกระบบเมื่อเวลาผ่านไป...

คนที่เป็นโรคภูมิต้านทานทำงานผิดพลาด (immune disease)
ต่างมีแนวโน้มที่จะกำเริบขึ้นได้ (flare up)...

ในคนไข้ที่เป็นโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินก็เช่นกัน จะมีระยะหนึ่งที่มีอาการกำเริบ
ขึ้นด้วยการมีข้ออักเสบ- บวม, ผิวหนังเป็นผื่นแดง (redness or rashes)
ที่สำคัญ การมีอาการกำเริบขึ้นใหม่ในโรค PsA เป็นเรื่องยากต่อการคาดคะเน 
และยากต่อการควบคุม และทำให้คนไข้เกิดอาการอ่อนเพลีย 
ไม่สามารถทำงานได้

เมื่อท่านได้รับการวินิจฉัยว่า  เป็นโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน...
ชีวิตของท่านจะเปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งหมายความว่า  นอกจากท่่านจะได้รับการรักษา
ด้วยการควบคุมโรคสะเก็ดเงินไม่ให้ดำเนินต่อไปแล้ว  ท่านยังต้องดูแลสุขสภาพให้ดี
โดยการรับประทานอาการที่ดี (healthy diet),ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, 
จัดการกับความเครียดที่มี, ไม่สูบบุหรี่ และเลิกดื่มแอลกอฮอล...

<< Prev.

http://www.arthritistoday.org/about-arthritis/types-of-arthritis/psoriatic-arthritis
/what-you-need-to-know/psoriasis-and-arthritis-2.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น