โรค “พาร์กินสัน” มักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุระหว่าง 55 – 65
โดยพบว่า เมื่อมีอายุมากกว่า 60 จะเกิดโรคได้ประมาณ 1- 2 %
หรือเกิดขึ้นประมาณ 0.3 % ในประชาชนทั่วไป
ซึ่งจะเกิดในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 1.6 ต่อ 1.0
หรือเกิดขึ้นประมาณ 0.3 % ในประชาชนทั่วไป
ซึ่งจะเกิดในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 1.6 ต่อ 1.0
เมื่อการรักษโรคด้วยยาตามวิธีมาตรฐานไม่ได้ผล..
ก็จำเป็นต้องหันไปใช้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ดัน
ซึ่งมีชือเรียก Deep Brain Stimulation
ซึ่งมีชือเรียก Deep Brain Stimulation
โดยมีแง่มุมให้พิจารณา...
• What are classic manifestations of Parkinson’s disease?
คนเป็นโรคพาร์กินสันมักจะไปพบแพทย์ด้วยความผิดปกติในการเคลื่อนไหว
เช่น อาการสั่นเทาของกายในขณะพัก (resting tremor),
เวลาพูดจาจะมีเสียงอู้อี-เบา (soft voice), เขียนตัวหนังสือจะมีขนาดเล็ก (micrographia),
มีอาการแข็งเกร็ง (rigidity), เคลื่อนไหวช้า (bradkinesia),
มีการเดินแบบไม่ยกเท้าจากพื้น (shuffling steps)
เวลาพูดจาจะมีเสียงอู้อี-เบา (soft voice), เขียนตัวหนังสือจะมีขนาดเล็ก (micrographia),
มีอาการแข็งเกร็ง (rigidity), เคลื่อนไหวช้า (bradkinesia),
มีการเดินแบบไม่ยกเท้าจากพื้น (shuffling steps)
แถมด้วยการทรงตัวลำบาก (difficulty with balance)...
อาการของโรคพาร์กินสัน...
ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่ยอมรับกันว่า
พอเราเจอใครมีอาการเช่นนี้....มักจะสงสัยว่า เขาเป็นโรคพาร์กินสัน ?
อาการที่ว่า คือ การมีร่างกายสั่นเทาในขณะไม่ได้ทำอะไร Resting tremor
มีบางคนเป็นโรคตดังกล่าวเหมือนกัน แต่กลับไม่มีอาการสันเทาเลย
ซึ่งคนกลุ่มนี้สามารถพบได้ประมาณ 20 %
นอกจากนั้นยังปรากฏว่า
คนเป็นโรคพาร์กินสัน ยังมีอาการไม่เกี่ยวกับความผิดปกติในการเคลื่อนไหว...
ซึ่งมีเป็นจำนวนมากเสียด้วย เช่น:
พอเราเจอใครมีอาการเช่นนี้....มักจะสงสัยว่า เขาเป็นโรคพาร์กินสัน ?
อาการที่ว่า คือ การมีร่างกายสั่นเทาในขณะไม่ได้ทำอะไร Resting tremor
มีบางคนเป็นโรคตดังกล่าวเหมือนกัน แต่กลับไม่มีอาการสันเทาเลย
ซึ่งคนกลุ่มนี้สามารถพบได้ประมาณ 20 %
นอกจากนั้นยังปรากฏว่า
คนเป็นโรคพาร์กินสัน ยังมีอาการไม่เกี่ยวกับความผิดปกติในการเคลื่อนไหว...
ซึ่งมีเป็นจำนวนมากเสียด้วย เช่น:
§ ความผิดปกติด้านจิตใจ (ภาวะซึมเศร้า, เครียด และไร้ความรู้สึก);
§ ความผิดปกติในด้านการเรียนรู้ ( เช่น frontal lobe dysfunction,
memory difficulty และ dementia)
§ ความผิดปกติในด้านการนอน (เช่น apnea และ sleep disorders)
§ ความผิดปกติในระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น sexual dysfunction,
digestive problems และ orthostasis
• What medication-related complications typically develop in patients with Parkinson’s disease?
คนไข้โรคพาร์กินสันจะตอบสนองต่อยาเพียงหนึ่งตัว หรือหลายตัวก็จริง
แต่หลังจาก 5 ปีผ่านไป คนไข้มักจะเกิดภาวะผิดปกติจากการใช้ยาเสียเป็นส่วนใหญ่
เช่น เกิดอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก, คาง, ลิ้นอยู่ตลอดเวลา(dyskinesia)
และจะพบว่า การตอบสนองต่อยาก็ไม่สมำสมอ (fluctuations)
เป็นเหตุให้ญาติของคนไข้บางคนไม่เข้าใจ....ไม่พอใจผู้ให้การรักษา
และเปลี่ยนหมอเพื่อขอรับการรักษาที่ดีกว่า
แต่หลังจาก 5 ปีผ่านไป คนไข้มักจะเกิดภาวะผิดปกติจากการใช้ยาเสียเป็นส่วนใหญ่
เช่น เกิดอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก, คาง, ลิ้นอยู่ตลอดเวลา(dyskinesia)
และจะพบว่า การตอบสนองต่อยาก็ไม่สมำสมอ (fluctuations)
เป็นเหตุให้ญาติของคนไข้บางคนไม่เข้าใจ....ไม่พอใจผู้ให้การรักษา
และเปลี่ยนหมอเพื่อขอรับการรักษาที่ดีกว่า
มีอาการบางอย่าง เช่น การเดินลำบาก ,ปัญหาเรื่องการทรงตัว,
ปัญหาด้านการพูด, การกลืน และความคิดอ่าน...
ปัญหาด้านการพูด, การกลืน และความคิดอ่าน...
อาการเหล่านี้อาจไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา carbidopa-levodopa
หรือการรักษาด้วยวิธีอื่น
•Which patients are candidates for deep-brain stimulation?
Deep brain stimulation หรือ DBS....
เป็นกรรมวิธีรักษาที่ได้รับการยอมรับจาก FDA (2002) ว่า
เป็นกรรมวิธีรักษาที่ได้รับการยอมรับจาก FDA (2002) ว่า
เป็นวิธีการที่ใช้ร่วมกับยารักษา เพื่อลดอาการบางอย่าง
เช่นเมื่อการใช้ยา levodopa-carbidopa ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร
เช่นเมื่อการใช้ยา levodopa-carbidopa ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร
ในรายที่ได้รับการรักษาด้วย levodopa ยังปรากฏว่ามีอาการสั่น (tremor),
มีการตอบสนองบ้างไม่ตอบสนองต่อยาบ้าง ทำให้เกิดอาการเป็น ๆ หาย ๆ (fluctuations),
และมีอาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณปาก, คาง และลิ้น(dyskinesia)
มักจะได้รับผลดีจากการรักษาด้วย DBS
และมีอาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณปาก, คาง และลิ้น(dyskinesia)
มักจะได้รับผลดีจากการรักษาด้วย DBS
ส่วนรายที่มีปัญหาด้านการเดินที่ผิดปกติ, ความสมดุล, การพูด...
ปรากฏว่า การรักษาด้วย DBS จะไม่ได้ผลดี
บางรายอาจมีอาการเลวลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำไป
คนไข้ที่เป็นโรคพาร์กินสัน...
จะได้รับการพิจารณารักษาด้วย DBS ก็ต่อเมื่อ
จะได้รับการพิจารณารักษาด้วย DBS ก็ต่อเมื่อ
เขาได้รับการรักษาด้วยยาตามมาตรฐานอย่างเพียงพอแล้วเท่านั้น
เช่น ได้รับการรักษาด้วย carbidopa-levodopa, dopamine agonists,
Monoamine oxidase inhibitors และ amantadine…
•What adverse events are associated with the use of deep-brain stimulation?
ผลเสียของการใช้วิธี DBS ที่น่ากลัวที่สุด คือ...
การเกิดมีมีเลือดตกในสมอง(intracranial hemorrhage)
และการอักเสบติดเชื้อ (infection) ซึ่งมีโอกาสถึง 1.2 – 15.2 %
การเกิดมีมีเลือดตกในสมอง(intracranial hemorrhage)
และการอักเสบติดเชื้อ (infection) ซึ่งมีโอกาสถึง 1.2 – 15.2 %
ในรายที่เกิดการอักเสบ จำเป็นต้องเอา electrode ออก
พร้อมกับให้ยาปฏิชีวนะรักษาจนกระทั้งหาย...
หลังจากนั้นค่อยมาพิจารณาทำการผ่าตัดใหม่
หลังจากนั้นค่อยมาพิจารณาทำการผ่าตัดใหม่
ผลจากการวิจัยหลังการทำ DBS มีโอกาสเกิดเลือดตกในสมอง 5.0 %
ทำให้สมองถูกทำลายอย่างถาวร หรือตาย 1.1 %
เกิดอาการชักกระตุกประมาณ 2.4 %
ผลข้างเคียงจากการทำ DBS ได้แก่ ความคิดอ่านเสียไป, หลงลืม, พูดลำบาก,
สูญเสียการทรงตัว มีอารมณ์แปรปรวน
เช่น ภาวะซึมเศร้า, ไร้ความรู้สึก, หัวเราะ,ร้องไห้,เครียด
และเกิดความรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย
เราจะเห็นว่า ถนนสายนี้ (การรักษา)ไม่เรียบอย่างที่คิดเท่าใด ?
เช่น ภาวะซึมเศร้า, ไร้ความรู้สึก, หัวเราะ,ร้องไห้,เครียด
และเกิดความรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย
เราจะเห็นว่า ถนนสายนี้ (การรักษา)ไม่เรียบอย่างที่คิดเท่าใด ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น