วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

HIV-Related Rheumatic Disease Syndrome

9/3/12

มีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่เป็นโรค HIV  หรือโรคเอดส์...
เกิดมีอาการปวดข้อ  และข้อบวมในช่วงใดช่วงหนึ่งของการเป็นโรค HIV   ซึ่งอาจพบ
ในพวกฉีดยาให้แก่ตนเอง(ยาเสพติด)  อาจเกิดข้ออักเสบติดเชื้อ  และ คนที่เป็นโรคตับ
อักเสบจากเชื้อ ไวรัส B  และ C 
 
นอกจากนั้น  ยังอาจพบในคนที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์   จนเกิดโรค gonorrhea  ซึ่ง
สามารถเกิดโรคข้ออักเสบ  และสามารถเกิดภาวะอย่างหนึ่ง  ชื่อ  Reiter’s syndrome  
นอกจากนั้น  ยังสามารถเกิดจากโรคท้องร่วงจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้

อาการของ Reiter’s syndrome…
ประกอบด้วยการเกิดข้ออักอักเสบ  มีการอักเสบของตา  และอักเสบของท่อปัสสาวะ
(Urethritis)  เราไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า  โรค Reiter’s syndrome  เกิดในคนไข้
ที่เป็นโรค HIV ได้บ่อยแค่ใหน  แต่หากมันเกิดขึ้นเมื่อใด 
มันมีโอกาสเป็นโรคที่มีความรุนแรง  และเป็นโรคเรื้อรัง  

คนเป็นโรคสะเก็ดเงิน  ยังมีโอกาเสเกิดในคนเป็นโรคเอดส์ได้ถึง 5 %
นอกจากนั้น  ในคนที่เป็นโรค HIV infection ยังมีปัญหาด้านกล้ามเนื้ออีกหลายอย่าง  
เช่น กล้ามเนื้อลีบ (muscle atrophy)  หรือ  กล้ามเนื้ออักเสบ,  ปวดข้อโดยไม่มีข้ออักเสบ, 
มีไข้ร่วมกับปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ  ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการรักษาโรค HIV
โดยเราเข้าใจว่า...มันสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น

เนื่องจากโรคเอดส์ หรือ HIV  มีลักษณะคล้ายกับโรคระบบภูมิคุ้มกัน (autoimmune
Disease)   ซึ่งในขณะนี้  เรายังไม่หลักฐานเพียงพอ  ที่จะยืนยันว่า  ในคนที่เป็นโรค HIV
ทำให้เกิดโรคทางระบบภูมิคุ้นกัน  เช่น  ข้ออักเสบ”รูมาตอยด์”   หรือ  “ลูปัส”

แต่มีหลักฐานชี้บ่งให้ทราบว่า  คนไข้เป็นโรคไขข้อจาก “รูมาตอยด์ “หรือเป็นโรค “ลูปัส”
อาจทำให้อาการของโรค HIV ดีขึ้นก็ได้

Symptoms
คนไข้ทีเป็นโรค HIV (เอดส์)...
เมื่อเกิดมีอาการทาง Rheumatic syndrome  ขึ้นมาแล้ว  ย่อมทำให้คนไข้เหล่านี้มี
ความทุกข์ทรมานทางกายเพิ่มเข้าไปอีก  ดังต่อไปนี้

§  ปวดข้อ (joint pain)

§  เจ็บปวด (Achiness)
  
§  บวม (Swelling)

§  เคลื่อนลำบาก (Stiffness)

การวินิจฉัย (Diagnosis)
เมื่อใดก็ตามที่ท่านเกิดมีอาการปวดข้อ  และมีอาการเจ็บปวดในขณะเคลื่อนไหว
แพทย์จะถามประวัติของท่านเกี่ยวกับอาการว่า  เกิดขึ้นเมื่อใด, เป็นนานแค่ใหน, 
มีปัจจัยอะไรที่ทำให้อาการเลวลง  หรือดีขึ้น,  ความรุนแรงของความเจ็บปวดเป็นอย่างไร, 
และมีปัจจัยเสี่ยงจากโรคทางกายอย่างอื่น ที่สามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นได้หรือไม่ 
นอกจากนั้น  แพทย์อาจถามถึงการใช้ยาด้วยตนเอง (ยาเสพติด),   
หรือโอกาสที่จะได้รับโรคทางเพศสัมพันธ์  (sexual transmitted diseases)

ภายหลังแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายเรียบร้อย  ท่านจะได้รับการตรวจเลือด,
ถ้าข้อบวม  ท่านอาจถูกเจาะเอาน้ำจากข้อไปทำการตรวจ 
ซึ่งสามารถช่วยวินิจฉัยโรคข้ออักเสบของท่านได้
9/3/12
การรักษา(Treatment)
ในการรักษาข้ออักเสบในคนไข้ที่เป็นโรค HIV บางครั้ง อาจเป็นเรื่องยาก
ถ้าอาการไม่มากนัก  เพียงใช้แก้ปวด   และยากลุ่มใน NSAIDs  (เช่น  aspirin,
ibuprofen) ก็เพียงพอต่อการลดอาการปวด  และ อาการอักเสบได้

แต่ถ้าคนไข้ HIV เกิดเป็นข้ออักเสบ   ซึ่งมีความรุนแรงมาก หรือ
ทำอย่างไรอากาไม่หาย...
จะปล่อยให้คนไข้โรค HIV ทรมานด้วยความเจ็บปวดใหม ?

 แพทย์อาจแนะนำให้ใช้สาร corticosteroids  ในระยะสั้นๆ  แก่คนไข้
หรือ ให้ยาที่เป็น  immunosuppressant agents ....
ซึ่งแน่นอน  การทำเช่นนั้น  สามารถทำให้คนไข้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้
ดังนั้น  เมื่อมีการใช้ยาดังกล่าว  จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก 
และจะใช้เฉพาะในรายที่มีความรุนแรงจริง ๆ เท่านั้น

http://www.intelihealth.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น