วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

Obesity Surgery: จะใช้กับท่านได้หรือไม่

9/21/12

 

ไม่ว่าแพทย์ท่านนั้นจะเป็นท่านใด...
เมื่อพบกับคนที่มีน้ำหนักเกิน  เขามักจะแนะนำเป็นเสียเดียวกันว่า
ต้องทำการควบคุมอาหารนะ...  อย่าปล่อยตามใจตนเอง  และ ให้เริ่มออกกำลังกายซะ....
จะทำให้ลดน้ำหนักที่เกินลงไปได้บ้าง 

นอกเหนือไปกว่านั้น  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และทำให้น้ำหนักตัวลดลง
ยังก่อได้รับประโยชน์อีกหลายอย่าง  เป็นต้นว่า:
ควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น,  ลดระดับความดันโลหิต  และลด cholesterol ในกระแสเลือดลง
สามารถช่วยคนไข้ที่มีปัญหาการหายใจ(หยุด) ในขณะนอนลับ (sleep apnea)

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ยังช่วยบรรเทาอาการปวดเอวปวดหลัง  และปวดข้อได้
นอกจากนั้น  ยังช่วยลดปริมาณของยาที่ต้องรับทานลงได้อีก
จนกระทั้งบางคน  ถึงกับไม่ต้องรับทานยาใด  อีกต่อไป
นั้นคือประโยชน์ที่พึงได้รับจากการออกกำลังกาย

บางท่านอาจสงสัยว่า...
ทำไมแพทย์ถึงต้องบอกให้คนอ้วนลดน้ำหนักตัว ?
ที่เป็นเช่นนั้น  เป็นเพราะแพทย์ส่วนใหญ่จะทราบเรื่องราวของคนที่ปล่อยให้มีน้ำหนักเกินว่า
ผลที่เกิดจากการปล่อยให้น้ำหนักเกิน  มักตามด้วยผลทีไม่พึงปรารถนาอีกหลายอย่าง
เช่น  โรคหัวใจ (heart attack),  หัวใจล้มเหลว,  มะเร็ง  และภาวะสมองขาดเลือด (stroke)

ในยุคปัจจุบัน....เพื่อความสวยงาม  อะไรก็มีให้เลือกหาได้ 
เช่น  ศัลยกรรมการผ่าตัดขจัดความอ้วน  ซึ่งจะนำไปสู่การลดน้ำหนักในระยะยาวได้
โดยเฉพาะในสหรัฐฯ...ปรากฏว่า  มีการผ่าตัดเพื่อความมุ่งหมายดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
(ประมาณห้าเท่าตัวของเมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา)

ในสหรัฐฯ...ปรากฏว่า  มีโรงพยาบาลหลายแห่งผลุดขึ้น  พร้อมกับมีการโฆษณาว่าเป็นศูนย์
ขจัดน้ำหนักตัว (weight-loss centers)  มีจำนวนการผ่าตัดเพิ่มขึ้น  เป็นเหตุให้มีเตียงคนไข้เพิ่ม
พร้อมกับเพิ่มรายได้ให้แก่โรงพบายาล....ซึ่งถือว่าเป็นการค้าอย่างหนึ่งที่ได้รับความสนใจ

ปัญหาเกิดมีขึ้นว่า....คนอ้วนทั้งหลายควรได้รับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด...
ถ้าตอบว่า  เป็นการรักษาที่เหมาะสม...ก็มีคำถามต่อไปอีกว่า  ควรทำที่ใหนจึงจะปลอดภัย?

มีคำแนะนำจากสหรัฐฯ  เมื่อไม่นานมานี้ว่า...
คนอ้วนที่สมควรได้รับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด  ควรมี “มวลน้ำหนักตัว” (Body mss index)
40  (ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวณ  โดยเอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยความสูงเป็น
เมตรยกกำลังสอง)   ส่วนคนที่มีโรคเบาหวาน,  โรคเส้นเลือด และหัวใจ  และโรคหยุดหายใจ
ซึ่งเกิดขณะนอนหลับ (sleep apnea)  โดยกำหนดให้ค่าของมวลน้ำหนักตัว (BMI)  มีค่า 35 
ก็จะได้รับประโยชน์จากการ่าตัดขจัดความอ้วน

หลังการรักษาด้วยการ่าตัดขจัดความอ้วน  ปรากฏว่า  การลดน้ำหนักตัวจะได้ประมาณ 15 %
มีรายงานว่า  คนไข้ที่เป็นเบาหวานประเภทสอง (DM2) ซึ่งได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด 
พบว่า  ประมาณหนึ่งในสามของคนไข้  สามารถทำให้ระดับน้ำตาลเป็นปกติ
แสดงให้เห็นว่า  แค่กำจัดหนักที่เกินออกทิ้งเท่านั้น  สามารถควบเบาหวานได้

คำถามที่ควรทราบต่อไป  คือ อันตรายจากการผ่าตัด ?
ผลจากการศึกษาของ Swedish  พบว่า ...
เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดที่สำคัญถึง  13% และมีการเสียชีวิต  0.25 %  
และผลการผ่าตัดจากศูนย์ที่ทำการผ่าตัดเป็นการเฉพาะ จะดีกว่าโรงพยาบาลทั่วไป

ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งมีความต้องการจะได้รับการผ่าตัด  เพื่อขจัดความอ้วน...
สิ่งที่ท่านจะต้องกระทำ  คือ  เลือกศัลยแพทย์ และสถานที่ๆ มีประสบการณ์ในการผ่าตัดเป็นอย่างดี
นั้นคือ  แพทย์คนนั้นจะต้องทำการผ่าตัดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 -100 ราย ต่อปี 
และจากสถาบันที่มีการผ่าตัด  ไม่ต่ำกว่า ร้อยรายต่อปีเช่นเดียวกัน 
โดยมีทีมงานที่ให้ความสนใจไป  ที่ทำการลดน้ำหนักเป็นหลัก 
มีแพทย์ดูแลอย่างไกล้ชิดขณะมีการผ่าตัด

สิ่งสำคัญสุดที่คุณจะต้องทำ  คือ  คุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนให้ได้
ขณะเดียวกัน  ท่านต้องช่วยสมาชิกทุกคนในครอบครัว...ไม่ให้อ้วนด้วย
การลดน้ำหนัก  จัดเป็นเรื่องเก่า  ที่ใคร  ก็สามารถกระทำได้...ขอให้ทำเท่านั้นเอง

ในกรณีที่มีความอ้วนมาก ๆ  การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือก  แต่อย่าลืมว่า...
อันตรายจากการผ่าตัดมันไม่ธรรมดา  และถ้าท่านต้องเลือกทำการผ่าตัด  เพื่อขจัดความอ้วน
ของท่านให้ได้  สิ่งที่ท่านต้องทำ  คือ  เลือกเฟ้นทั้งแพทย์ และโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์  
เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน  ไม่ให้มันเกิดขึ้นกับท่านให้ได้

http://www.intelihealth.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น