9/3/12
การรักษา (Treatment)ในปัจจุบัน ,,
โรค scleroderma ยังไม่มีวิธีการรักษาใด ๆ ที่ใช้ได้ผลดีเลย
มียาที่ถูกนำมาใช้ในการรักษา หรืออยู่ในขั้นตอนของพัฒนาหาวิธีการรักษาคนไข้โรค scleroderma โดยมียาที่สั่งใช้ในการรักษา ได้แก่:
§ Cyclophopamide (Cytoxan, Neosar).เป็นยาที่สามารถลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
และแสดงให้เห็นว่า การทำงานของปอดดีขึ้น เมื่อใช้ร่วมกันสาร corticosteroids
รักษาคนไข้ที่มีการอักเสบของปอด
อันตรายจากการใช้ยา ประกอบด้วยการอักเสบติดเชื้อ, มืเลือดตกในกระเพาะปัสสาวะ
และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้ยา
และต้องการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
§ Glucocorticoids.
เป็นยาที่ใช้ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มหัวใจ (pericarditis), ข้ออักเสบ,และ
การอักเสบของกล้ามเนื้อ (myositis)
อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ ยังก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ก่อให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้น
และทำให้ไตทำงานแย่ลง ซึ่งเกิดในในคนเป็นโรค Scleroderma
§ Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)เป็นยาที่อาจมีประโยชน์
ในรายที่มีการอักเสบของข้อ และ ของเอ็น
§ D-penicillamine (Cuprimine)เป็นยาที่ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
และเชื้อว่า จะไปรบกวนการสร้าง collagen
บางการศึกษา ชี้แนะว่า D-penicillamine อาจลดความหนาตัวของผิวหนัง และ
ป้องกันไม่ให้อวัยวะถูกทำลายได้ แต่ผลจากการรักษาโดยรวม พบว่า
ประสบความสำเร็จได้ไม่มากนัก นอกนั้น มันยังสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง
เป็นอันตรายต่อไตและเม็ดเลือดได้
ดังนั้น ในปัจจุบันการใช้ยาตัวนี้จึงไม่มากเท่าในอดีต
§ Diuretics:
เป็นยาที่ทำให้คนไข้ขับน้ำส่วนที่เกินออก จะถูกนำมาใช้ในการลดการบวมของมือ
และ เท้า
§ Omeprazole หรือยาที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้ลดอาการแสบยอดอก (heart burn)
ซึ่งเกิดจากโรคของหลอดอาหาร (oesophagus)
§ Bosentan (Tracleer) หรือ epoprostenol (Flolan) เป็นยาที่นำมาใช้รักษา
ภาวะของ pulmonary hypertension ซึ่งระดับความดันเส้นเลือดของปอดสูงขึ้น
ยาตัวนี้ อาจทำให้อาการจาก Raynaud’s phenomenon ดีขึ้น
§ Angiotensin conveting enzyme (ACE) inhibitors เช่น enalapril
เป็นยาลดความดันโลหิตสูง และอาจช่วยป้องกันไตในโรค scleroderma
นอกจากนี้ ผลจากการศึกษา ในการใช้ stem cell therapy เพื่อยับยั้งการ
ทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน (immunosuppression) ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับคนไข้ที่มีอาการ Raynaud’s phenomenon….
การสรวมถุงมือ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสความเย็น สามารถทำให้อาการดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังพบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกายภาพบำบัด,นวดผิวหนัง,
และการใช้ครีมทาผิว...สามารถช่วยปัญหาที่เกิดกับผิวหนังได้นอกจากการใช้ยา
การใช้ Biofeedback หรือ nerve block สามารถช่วยลดคลื่นประสาทที่ส่งไป
ยังเส้นเลือด เป็นการทำให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
และถ้าคนไข้สูบหรี่....เขาควรเลิกสูบบุหรี่เสีย และอย่าเสพยาเสพติดเป็นอันขาด
การพยากรณ์โรค (Prognosis)...
ในขณะที่มีคนไข้เป็นจำนวนไม่น้อยที่เป็นโรค scleroderma สามารถมีอายุยืนยาวอยู่นั้น
มีรายงานว่า มีอัตราการเสียชีวิตได้มากสูงถึง 8 เท่า
สำหรับกรณีที่เป็น diffused skin disease และมีอัตราเสียชีวิตถึง 2 เท่าของคนที่
เป็น limited disease ได้
คนเป็นโรค scleroderma มีภาวะ pulmonary hypertension และdiffuse skin disease
เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการทำให้เกิดการพยากรณ์โรคที่แย่มาก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
จากรายงานกับพบว่าการมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่า อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
http://www.intelihealth.com
การรักษา (Treatment)ในปัจจุบัน ,,
โรค scleroderma ยังไม่มีวิธีการรักษาใด ๆ ที่ใช้ได้ผลดีเลย
มียาที่ถูกนำมาใช้ในการรักษา หรืออยู่ในขั้นตอนของพัฒนาหาวิธีการรักษาคนไข้โรค scleroderma โดยมียาที่สั่งใช้ในการรักษา ได้แก่:
§ Cyclophopamide (Cytoxan, Neosar).เป็นยาที่สามารถลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
และแสดงให้เห็นว่า การทำงานของปอดดีขึ้น เมื่อใช้ร่วมกันสาร corticosteroids
รักษาคนไข้ที่มีการอักเสบของปอด
อันตรายจากการใช้ยา ประกอบด้วยการอักเสบติดเชื้อ, มืเลือดตกในกระเพาะปัสสาวะ
และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้ยา
และต้องการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
§ Glucocorticoids.
เป็นยาที่ใช้ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มหัวใจ (pericarditis), ข้ออักเสบ,และ
การอักเสบของกล้ามเนื้อ (myositis)
อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ ยังก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ก่อให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้น
และทำให้ไตทำงานแย่ลง ซึ่งเกิดในในคนเป็นโรค Scleroderma
§ Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)เป็นยาที่อาจมีประโยชน์
ในรายที่มีการอักเสบของข้อ และ ของเอ็น
§ D-penicillamine (Cuprimine)เป็นยาที่ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
และเชื้อว่า จะไปรบกวนการสร้าง collagen
บางการศึกษา ชี้แนะว่า D-penicillamine อาจลดความหนาตัวของผิวหนัง และ
ป้องกันไม่ให้อวัยวะถูกทำลายได้ แต่ผลจากการรักษาโดยรวม พบว่า
ประสบความสำเร็จได้ไม่มากนัก นอกนั้น มันยังสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง
เป็นอันตรายต่อไตและเม็ดเลือดได้
ดังนั้น ในปัจจุบันการใช้ยาตัวนี้จึงไม่มากเท่าในอดีต
§ Diuretics:
เป็นยาที่ทำให้คนไข้ขับน้ำส่วนที่เกินออก จะถูกนำมาใช้ในการลดการบวมของมือ
และ เท้า
§ Omeprazole หรือยาที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้ลดอาการแสบยอดอก (heart burn)
ซึ่งเกิดจากโรคของหลอดอาหาร (oesophagus)
§ Bosentan (Tracleer) หรือ epoprostenol (Flolan) เป็นยาที่นำมาใช้รักษา
ภาวะของ pulmonary hypertension ซึ่งระดับความดันเส้นเลือดของปอดสูงขึ้น
ยาตัวนี้ อาจทำให้อาการจาก Raynaud’s phenomenon ดีขึ้น
§ Angiotensin conveting enzyme (ACE) inhibitors เช่น enalapril
เป็นยาลดความดันโลหิตสูง และอาจช่วยป้องกันไตในโรค scleroderma
นอกจากนี้ ผลจากการศึกษา ในการใช้ stem cell therapy เพื่อยับยั้งการ
ทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน (immunosuppression) ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับคนไข้ที่มีอาการ Raynaud’s phenomenon….
การสรวมถุงมือ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสความเย็น สามารถทำให้อาการดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังพบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกายภาพบำบัด,นวดผิวหนัง,
และการใช้ครีมทาผิว...สามารถช่วยปัญหาที่เกิดกับผิวหนังได้นอกจากการใช้ยา
การใช้ Biofeedback หรือ nerve block สามารถช่วยลดคลื่นประสาทที่ส่งไป
ยังเส้นเลือด เป็นการทำให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
และถ้าคนไข้สูบหรี่....เขาควรเลิกสูบบุหรี่เสีย และอย่าเสพยาเสพติดเป็นอันขาด
การพยากรณ์โรค (Prognosis)...
ในขณะที่มีคนไข้เป็นจำนวนไม่น้อยที่เป็นโรค scleroderma สามารถมีอายุยืนยาวอยู่นั้น
มีรายงานว่า มีอัตราการเสียชีวิตได้มากสูงถึง 8 เท่า
สำหรับกรณีที่เป็น diffused skin disease และมีอัตราเสียชีวิตถึง 2 เท่าของคนที่
เป็น limited disease ได้
คนเป็นโรค scleroderma มีภาวะ pulmonary hypertension และdiffuse skin disease
เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการทำให้เกิดการพยากรณ์โรคที่แย่มาก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
จากรายงานกับพบว่าการมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่า อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น