9/21/12
เมื่ออาทิตย์ท่านมา...ผู้เขียนได้มโอกาสฟังการสนทนาเรื่องไขมันในเลือดว่า
ระดับไขมัน LDL cholesterol ควรจะอยู่ในระดับใดจึงจะปลอดภัยจากการเป็นโรคหัวใจ
ในโต๊ะของเรา บางคนพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า
“ไขมันในเลือดของตัวเองมีระดับต่ำกว่ากำหนด--LDL cholesterol
มีค่าต่ำกว่า 100 mg/dL”
มีค่าต่ำกว่า 100 mg/dL”
ผู้เขียนถูกป้อนคำถาม ด้วยคำถามง่าย ๆ แต่ตอบได้ยากจังว่า...
หากเรามีโอกาสได้ย้อนไปดูผลการศึกษาคนในสมัยก่อน ๆ ซึ่งมีชีวิตด้วยการล่าสัตว์ และสะสมไว้
ผลของทางทดลองในคน เรียก JUPITER ซึ่งลงตีพิมพ์ในปี 2008 ซึ่งพวกเขาได้ชี้แนะว่า...
จากคำแนะนำดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประเทศชาติอย่างมหาศาล
“หมอมีความเห็นอย่างไร ?”
ผู้เขียนได้เล่าในเพื่อนในกลุ่มฟังว่า สิ่งที่เราได้พบเห็น กับความเป็นจริงอาจไม่เหมือนกันก็ได้
จึงถือโอกาสเล่า...ให้กลุ่มเพื่อนฟังว่า มีคนไข้จำนวนหนึ่ง ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคหลอด
เลือดหัวใจตีบตัน และเกิดภาวะหัวตายจากการขาดเลือด (heart attack) และเสียชีวิตไป
โดยมีคราบไขมันเกาะที่ผนังของเส้นเลือดแดง ทั้ง ๆ ที่ระดับของไขมัน LDL cholesterol ใน
กระแสะลือดมีค่าต่ำ-- ประมาณ 60 mg/dL) เท่านั้นเอง
จากความจริงที่ได้นำเสนอไป เลยได้คำถามที่สองว่า
“.....เราควรให้ระดับไขมัน LDL choleterol อยู่ระดับต่ำแค่ใด ? จึงจะดีละ ?”
ผ้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ร่วมกับคนไข้ ซึ่งมารตีพิมพ์ในวารสาร PROVE-IT & REVERSAL
ลงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้เขียนได้เสนอให้ฟัง ซึ่งได้นำไปสู่การลงความเห็นว่า
คาของ LDL-cholesterol ในเลือดของเราควรจะอยู่ระดับใดจึงจะดี....
นั่นคือ ค่าที่ดีที่สุดควรอยู่ระหว่าง 50 – 70 mg/dL ซึ่งเป็นค่าที่ไม่ได้ยอมรับกันเป็นทางการ
สำหรับ The American Association (AHA) ได้ให้คำแนะนำว่า
ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจ- Heart attack หรือมีโอกาสเสียชีวิตอย่างฉับพลัน
(sudden death) ควรตั้งเป้าของ LDL chlosterol เอาไว้ที่ระดับต่ำกว่า 70 mg/dL
ส่วนคนอื่น ๆ ให้ตั้งไว้ที่ระดับต่ำกว่า 100 mg/dL ซึ่งคำแนะนำดังกล่าว
ได้รับการตอบรับจากสองกลุ่มงานทันที: The American College of Caridology &The National Heart ,Lung, and Blood Institute
ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจ- Heart attack หรือมีโอกาสเสียชีวิตอย่างฉับพลัน
(sudden death) ควรตั้งเป้าของ LDL chlosterol เอาไว้ที่ระดับต่ำกว่า 70 mg/dL
ส่วนคนอื่น ๆ ให้ตั้งไว้ที่ระดับต่ำกว่า 100 mg/dL ซึ่งคำแนะนำดังกล่าว
ได้รับการตอบรับจากสองกลุ่มงานทันที: The American College of Caridology &The National Heart ,Lung, and Blood Institute
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราได้มีโอกาสถามแพทย์หลาย ๆ นายดูบ้าง...
แพทย์ส่วนใหญ่ เขจะมีความเห็นว่า แม้ในคนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ในระดับพอประมาณ
เขาจะแนะนำให้ตั้งเป้าของ LDL cholesterol เอาไว้ที่ระดับต่ำกว่า 100 mg/dL
เป็นอาหารในช่วงที่ไม่สามารถออกล่าสัตว์ได้ ได้มีบันทึกผลการตรวจเลือดของผู้คนที่มีอาชิพล่าสัตว์
เป็นประจำ จะพบว่า ค่าของไขมันLDL cholesterol ของคนเหล่านั้นจะมีค่าระหว่าง 50 – 70 mg/dL
และที่สำคัญคนเหล่านั้น ไม่เป็นโรคเส้นเลือดตีบแข็ง (atherosclerosis) เลย
นอกจากนั้น เขายังได้ทำการตรวจหาค่า LDL-C ในพวกลิง และพวก กอริลล่าร์ ที่มีสุขภาพดี พบว่า
คาของ LDL cholesterol จะอยู่ในระดับ 40 – 80 mg/dL โดยไม่มีโรคเส้นเลือดตีบแข็งเลย
สำหรับมนุษย์เรา ซึ่งเป็นสัตว์โลกที่พัฒนา มีค่า lDL cholesterol โดยเฉลี่ยสูงกว่า 80 mg/dL และ
เป็นสัตว์โลกที่ต้องเผชิญกับการคุกคามของโรคหัวใจ- Heart Attacks
ลองมาพิจารณาผลการศึกษาของนักวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู...
ผลของการวิจัยจำนวนมากหลาย ต่างลงความเห็นว่า ระดับของ LDL-cholesterol
ยิ่งมีค่าต่ำเท่าใด โอกาสเกิดโรคเส้นเลือดตีบแข็งก็ยอ่งต่ำลง และ
โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจ-heart attack ก็ย่อมน้อย
ยิ่งมีค่าต่ำเท่าใด โอกาสเกิดโรคเส้นเลือดตีบแข็งก็ยอ่งต่ำลง และ
โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจ-heart attack ก็ย่อมน้อย
เนื่องจากคนเราไม่สมารถย้อนยุคสู่อดิต กลับไปดำเนินชีวิตเหมือนคนล่าสัตว์ได้...
และการที่เราจะทำให้ระดับไขมัน LDL cholesterol ลดลงสู่ระดับต่ำตามที่ต้องการ
เราจำเป็นต้องรับทานยาจึงจะสามารถทำให้ระดับไขมันลดลงได้
เราจำเป็นต้องรับทานยาจึงจะสามารถทำให้ระดับไขมันลดลงได้
ในการที่จะให้ใครรับทานยาลดไขมันหรือไม่ ย่อมขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค
เช่น ในคนที่ทราบประวัติว่า เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary disease),
เป็นโรคเบาหวาน, และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหลายอย่าง
ในกรณีเหล่านี้ เขาควรได้รับยาลดไขมัน statin โดยตั้งเป้าของ LDL cholesterol
ให้ต่ำกว่า 100 mg/dL
เป็นโรคเบาหวาน, และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหลายอย่าง
ในกรณีเหล่านี้ เขาควรได้รับยาลดไขมัน statin โดยตั้งเป้าของ LDL cholesterol
ให้ต่ำกว่า 100 mg/dL
ในบางครั้ง เพื่อทำให้ระดับไขมันลดลง หรือเพื่อทำให้ HDL cholesterol เพิ่มขึ้น
แพทย์อาจเพิ่มยา Niacin ร่วมเข้าไปด้วย และที่ควรรู้เอาไว้คือ ยา Niacin จะมีผล
ข้างเคียงสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาลดไขมันตัวอื่น ๆ....ท่านต้องระวัง!
ข้างเคียงสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาลดไขมันตัวอื่น ๆ....ท่านต้องระวัง!
ในการแนะนำให้ใครก็ตามรับทานยาลดไขมัน...นับเป็นการยากที่จะจัดการ
โดยเฉพาะในรายที่ไม่อาการของโรคเส้นเลือดตีบแข็ง (atherosclerosis) และไม่มีโรคหัวใจ
ทั้งนี้เพราะ ยาในกลุ่ม statin ต่างมีฤทธิ์ข้างเคียง, บางรายก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
และที่สำคัญราคาก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ดังนั้น ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่ำ
เราต้องพิจารณาประโยชน์ที่พึงได้จากการลดไขมันให้ต่ำลงด้วยการรับทานยา (statin) ว่า
มันคุ้มกับความเสี่ยงอันตรายหรือไม่ ?
โดยเฉพาะในรายที่ไม่อาการของโรคเส้นเลือดตีบแข็ง (atherosclerosis) และไม่มีโรคหัวใจ
ทั้งนี้เพราะ ยาในกลุ่ม statin ต่างมีฤทธิ์ข้างเคียง, บางรายก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
และที่สำคัญราคาก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ดังนั้น ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่ำ
เราต้องพิจารณาประโยชน์ที่พึงได้จากการลดไขมันให้ต่ำลงด้วยการรับทานยา (statin) ว่า
มันคุ้มกับความเสี่ยงอันตรายหรือไม่ ?
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยเฉพาะคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่ำ...
เราจะไม่ให้ยาลดไขมัน ถ้าระดับ LDL cholesterol มีค่าต่ำกว่า 160 mg/dL
โดยมีเป้าของระดับไขมันอยู่ที่ 130 – 159 mg/dL ในขณะที่เราชั่งน้ำหนักของปัจจัยเสี่ยง
เช่น ประวัติครอบครัว และ ระดับของ C-Reactive Protein (CRP)
เช่น ประวัติครอบครัว และ ระดับของ C-Reactive Protein (CRP)
คนที่มีระดับของ LDL cholesterol ต่ำ (low level) แต่มีระดับของ CPR สูง (high level)
จะได้ประโยชน์จากการรับทานยาในกลุ่ม statin (rosuvastatin)
แต่ กลุ่มนักวิจัยได้ออกความเห็นว่า CRP จะมีประโยชน์ในแง่นำมาพิจารณาช่วยคนปกติ
หรือมีค่า LDL cholesterol ต่ำ ว่าสมควรได้รับการรักษาด้วยการใช้ยา “ลดไขมันหรือไม่”
เท่านั้นเอง
จะได้ประโยชน์จากการรับทานยาในกลุ่ม statin (rosuvastatin)
แต่ กลุ่มนักวิจัยได้ออกความเห็นว่า CRP จะมีประโยชน์ในแง่นำมาพิจารณาช่วยคนปกติ
หรือมีค่า LDL cholesterol ต่ำ ว่าสมควรได้รับการรักษาด้วยการใช้ยา “ลดไขมันหรือไม่”
เท่านั้นเอง
http://www.intelihealth.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น