9/2/12
Disease-Modifying Antirheumatic Drugs
Disease-Modifying Antirheumatic Drugs
ยาในกลุ่ม Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs)
สามารถเป็นส่วนหนึ่ง ที่มีสำคัญสำหรับนำมาใช้ในการรักษาโรค
โดยมีฤทธิ์ในการชะลอการเปลี่ยนแปลงของโรครูมาตอยด์ ด้วยการ
เปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ยาที่นำมาใช้ในการรักษาโรคมากที่สุด ประกอบด้วย methotrexate,
Hydroxychloroquine, sulfasalazine, leflunmide, adalimumab,
Etanercept และ infliximab
นอกจากนี้ ยังมียาอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้กันน้อย เพราะประสิทธิภาพไม่
ค่อยดี และ/หรือ ไม่ค่อยปลอดภัย ซึ่งได้แก่:
Gold, cyclosporine, penicillamine และ minocycline
แม้ว่า DMARDs จะออกฤทธิ์ช้า ซึ่งจะต้องใช้เวลานานหลายอาทิตย์
หรือ หลายเดือน ก่อนผลของยาจะปรากฏให้เห็น....
ดังนั้น อย่าพึ่งท้อ และเลิกใช้ยาก่อนที่ยาจะได้ออกฤทธิ์ (ซึ่งมีกรณี
เดียวเท่านั้น คือ ผลข้างเคียง หรือแพ้ยา)
โดยทั่วไป แพทย์เขาจะให้ยา NSAIDs , corticosteroids อย่างใดอย่าง
หนึ่ง หรือให้ทั้งสองอย่างในช่วงแรก ๆ ของการรักษา
จนกว่ายา DMARDs จะออกฤทธิ์ให้เห็น
การที่คนไข้ไม่ตอบสนองต่อยาตัวใดตัวหนึ่งในกลุ่ม DMARDs...
ไม่ได้หมายความว่า โรคจะไม่ตอบสนองต่อยาตัวอื่นๆ ในกลุ่ม DMARDs
ยกตัวอย่าง การที่คนไข้ไม่ตอบสนองต่อ methotrexate
คนไข้อาจตอบสนองต่อSulfasalazine หรือ etanercept
ไม่ได้หมายความว่า โรคจะไม่ตอบสนองต่อยาตัวอื่นๆ ในกลุ่ม DMARDs
ยกตัวอย่าง การที่คนไข้ไม่ตอบสนองต่อ methotrexate
คนไข้อาจตอบสนองต่อSulfasalazine หรือ etanercept
ในขณะนี้ มีนักวิจัยหลายนาย กำลังศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาในประเด็น:
คนไข้จะตอบสนองตอบสนองต่อยาตัวใดในกลุ่ม DMARDs หรือ สนองต่อการใช้ยา
ร่วมกัน ตลอดรวมไปถึงการศึกษาหาเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นการใช้ยา
ในกลุ่มดังกล่าว (DMARDs)
คนไข้จะตอบสนองตอบสนองต่อยาตัวใดในกลุ่ม DMARDs หรือ สนองต่อการใช้ยา
ร่วมกัน ตลอดรวมไปถึงการศึกษาหาเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นการใช้ยา
ในกลุ่มดังกล่าว (DMARDs)
ในการใช้ยาในกลุ่ม DMARDs ...
เนื่องจากเป็นยาที่มีอันตรายจากผลข้างเคียงได้
จึงต้องมีการตรวจเช็คจากแพทย์ผู้ให้การรักษาอย่างใกล้ชิด และผลข้างเคียงที่เกิด
ย่อมขึ้นกับยาที่ใช้ ซึ่งประกอบด้วยปัญหาทางสายตา, ผิวหนังอักเสบ (dermatitis),
ผื่นบนผิวหนัง, ตับถูกทำลาย, คลื่นไส้, ท้องร่วง และเม็ดเลือดต่ำ
เนื่องจากเป็นยาที่มีอันตรายจากผลข้างเคียงได้
จึงต้องมีการตรวจเช็คจากแพทย์ผู้ให้การรักษาอย่างใกล้ชิด และผลข้างเคียงที่เกิด
ย่อมขึ้นกับยาที่ใช้ ซึ่งประกอบด้วยปัญหาทางสายตา, ผิวหนังอักเสบ (dermatitis),
ผื่นบนผิวหนัง, ตับถูกทำลาย, คลื่นไส้, ท้องร่วง และเม็ดเลือดต่ำ
ข้อควรรู้:
ยาชนิดหนึ่งในกลุ่ม DMARDs ก่อให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น ไม่ได้หมายความว่า
ยาตัวอื่นในกลุ่มจะก่อให้เกิดผลข้าเคียงเช่นเดียวกัน
ยาชนิดหนึ่งในกลุ่ม DMARDs ก่อให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น ไม่ได้หมายความว่า
ยาตัวอื่นในกลุ่มจะก่อให้เกิดผลข้าเคียงเช่นเดียวกัน
มียาตัวใหม่ ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม DMARDs ถูกผลิตขึ้นในรูป “ฉีด” ได้แก่:
Adalimumab, etanercept และ infliximab.
ซึ่งมักถูกเรียกว่า biologics เพราะการทำงานของมันจะในรูปแบบการต่อต้าน
ทางชีวภาพของสาร ที่ทำให้เกิดการอักเสบในไขข้อ
Adalimumab, etanercept และ infliximab.
ซึ่งมักถูกเรียกว่า biologics เพราะการทำงานของมันจะในรูปแบบการต่อต้าน
ทางชีวภาพของสาร ที่ทำให้เกิดการอักเสบในไขข้อ
ยาในกลุ่มใหม่นี้มีประสิทธิผลสูง....
แต่ผู้เชี่ยวชาญทางโรคข้อ จะเริ่มใช้ยาตัวอื่น ๆ ก่อน เพราะยาตัวใหม่มีราคาแพง
และผลข้างเคียงในระยะยาว ยังไม่เป็นที่ทราบชัด
แต่ผู้เชี่ยวชาญทางโรคข้อ จะเริ่มใช้ยาตัวอื่น ๆ ก่อน เพราะยาตัวใหม่มีราคาแพง
และผลข้างเคียงในระยะยาว ยังไม่เป็นที่ทราบชัด
สุดท้ายมียาใหม่ ที่ได้รับการยอมรับจาก FDA ให้นำมาใช้ในการรักษาโรครูมาตอยด์
ซึ่งได้แก่ abatacept, ankinra และ rituximab ซึ่งยาพวกนี้ เป็นยาที่ต้องฉีด
ซึ่งอาจนำมาใช้ในการรักษาคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาตัวอื่น ๆ
ซึ่งได้แก่ abatacept, ankinra และ rituximab ซึ่งยาพวกนี้ เป็นยาที่ต้องฉีด
ซึ่งอาจนำมาใช้ในการรักษาคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาตัวอื่น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น