วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

Rheumatoid arthritis: Drug Treatment

9/2/12


ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา...
ปรากฏว่า  มียาจำนวนมากมายถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว 
เพื่อนำไปใช้รักษาโรคไขข้อรูมาตอยด์  และได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน่าประทับใจ 
การพัฒนาในดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมาก  หากเราไม่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการรักษา
เราจะไม่ทราบเลยว่า  ยาที่ใช้รักษาโรครูมาตอยด์เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา
ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก 


ในอนาคตอันไกล้  อาจมียาใหม่ ๆ ถูกผลิตขึ้น  หรือมีกรรมวิธีการใหม่ ๆ
ถุกนำมาทดแทนยาเก่า  หรือวิการเก่า ๆ  ได้โดยสิ้นเชิง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว   คำว่า "ห้ามกระพริบตา"  อาจมีความหมายในตอนนี้ก็ได้

ปัจจุบัน  มีการรักษาขั้นพื้นฐานสำหรับรักษาโรครูมาตอยด์  ที่เราควรรู้  มีดังนี้:

v  ยาลดความเจ็บปวด (pain reliever) และ ยาลดการอักเสบ

v  Corticosteroids

v  Disease-Modifying Antirheumatic Drugs

v  การรักษาแบบใหม่  ที่ได้รับการยอมรับ
(Newly Spproved Treatment)


Pain Relievers And Anti-Inflammatory Drugs
ในการรักษาคนไข้โรครูมาตอยด์...
แพทย์จะเริ่มต้นการรักษาด้วยการใช้ยา  ลดความเจ็บปวด (pain relievers) 
และยาต้านการอักเสบ (non-steroidal antiinflammatory drugs) หรือ  NSAIDs

ยาแก้ปวด  ได้แก่  acetaminophen (Tylenol) หรือ tramadol (Ultram)
ส่วนยาต้านการอักเสบ (NSAIDs)  ได้แก่ aspirin, ibuprofen, naproxen  และยาตัวอื่น ๆ

NSAIDs. ผลจากการใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs  พบว่า  มีผลข้างเคียงหลายอย่าง
เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร  รวมถึงการมีแผลในกระเพาะอาหาร,  ยา aspirin 
สามารถทำให้เกิดมีเสียงดังในหูได้   หรือสามารถทำให้หายใจเร็วขึ้น

สำหรับ NSAIDs  นอกจากจะทำให้เกิดเกิดอาการแพ้ (allergic reactions) แล้ว
ยังทำให้เกิดมีเลือดออก,  ผิวหนังฟกช้ำ   และทำให้เกิดการทำลายตับ  และ ทำลายไตได้
  
Cyclooxygenase-2 (COX-2) inhibitors.

COX-2 inhibitors ถือเป็น NSAID  ตัวใหม่  ในสหรัฐฯ มีใช้เพียง celecoxib (Celebrex) 
ส่วน  roffecoxi b (Vioxx), และ vaslecoxib (Bestra) ถูกกำจัดออกจากท้องตลาด
ด้วยปัญหาความปลอดภัยในระบบหัวใจ และเส้นเลือด

ยาในกลุ่มนี้  อาจให้ประโยชน์ได้เท่ากับยา NSAIDs ตัวเก่า
แต่มีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดแผลในกระเพาะได้ต่ำกว่า

มีการศึกษาเรื่อง celecoxib  ชิ้นหนึ่ง 
กล่าวว่า  สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะในคนที่รับทาน aspirin ขนาดต่ำ  
เพื่อป้องกันโรคหัวใจ  หรือปัญหาที่เกิดกับเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าเราจะมียาแก้ปวด (pain relievers) และ NSAIDs  สามารถรักษรคนไข้ “รูมาตอยด์”
ได้ในระดับหนึ่งก็จริง   แต่คนไข้ส่วนใหญ่  ยังจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มอีก 
ทั้งนี้เพราะ  ยาแก้ปวดสามารถลดอาการปวด,  NSAIDs  สามารถลดอาการบวมที่เกิด
จากโรคได้  แต่ผลที่ได้มันน้อยนิด  เมื่อนำไปเปรียบกับผลที่เกิดจากโรค

เราหมายความว่า  ยาทั้งสอง  สามารถช่วยให้คนไข้รู้สึกดีขึ้นจริง
แต่  ยาทั้งสองไม่สามรรถป้องกัน  ไม่ให้เกิดการทำลายข้อจากโรครูมาตอยด์ได้
ดังนั้น  เราจึงจำเป็นต้องใช้อีกกลุ่มหนึ่ง  มีชื่อเรียก  disease modifying anti-rheumatic
drugs (DMARDs)  เพื่อควบคุมโรค  และผลที่ตามมา 
สามารถลด    หรือยุติไม่ให้ข้อถูกทำลายได้

Topical pain relievers.เป็นกลุ่มยาที่ใช้เฉพาะที่...ทาบนผิวหนัง 
เป็นยาช่วยเสริมยาแก้ปวดทั้งหลาย  ซึ่งส่วนใหญ่จะออกมาในรูปครีม  เช่น 
methyl salicylate, capsaicin cream  และ  อื่น ๆ
  
ยาในกลุ่ม corticosteroids เช่น  prednisone เป็นยาที่สามารถลดอาการอักเสบ
ได้อย่างฉับพลันทันที  อาการที่ดีขึ้น  อาจกินเวลาน้อยกว่าวันได้
ซึ่งขึ้นกับขนาดของยา  และระยะเวลาของการรักษา
ผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ยาในกลุ่มนี้  อาจเป็นประโยชน์ในระยะสั้น 
แต่ที่มีผลข้างเคียงมีมากมาย  เช่น


Ø  Easy bruising
Ø  Bone thinning
Ø  Cataracts
Ø  Weight gain
Ø  Puffy face
Ø  Diabetes
Ø  High blood pressure

จากรายชื่อของผลข้างเคียงที่กล่าวมา  จึงทำให้เราต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
และควรเริ่มต้นด้วยขนาดน้อยที่สุด   ซึ่งสามารถลดอาการอักเสบที่เกิดแบบเฉียบพลัน
หรือใช้ในรายที่มีความรุนแรงมาก ๆ  จากนั้น  แพทย์เขาจะค่อยลดขนาดของยาลงช้าๆ
จนกระทั้งคนไข้ไม่จำเป็นต้องใช้ยา   และในระหว่างนั้น  แพทย์อาจเริ่มต้น
ให้ยากลุ่มDMARDs  แก่คนไข้  ซึ่งเป็นยาออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ  และกว่าจะเห็นผล...โน้น 
ต้องกินเวลาเป็นหลายอาทิตย์  หรือ หลายเดือน

สิ่งที่ควรรู้....ในการใช้ยา corticosteroids
เราควรลดยาอย่างช้า ๆ  ในการลดยาทันที  อาจก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงได้
เช่น  ความดันโลหิตลดลง  หรือแม้กระทั้งทำให้คนไข้อ่อนแรงได้อย่างมาก

ในกรณีที่ oral corticosteroids ไม่สามารถควบคุมการอักเสบได้...
เราอาจใช้ฉีดยาตัวดังกล่าวเข้าข้อโดยตรง  ซึ่งสามารถลดอาการได้ในระยะสั้น ๆ 
เป็นวิธีการที่ใช้ไม่บ่อยนัก  เพราะมีผลเสียจากการใช้ในระยะยาว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น