แพทย์เรามีวิธีการต่างมากมาย...
ที่ถูกนำไปใช้ในการประเมินสมรรถภาพทางกาย
เช่น การตรวจการเต้นของหัวใจ (heart rate), ความดันโลหิต (blood pressure),
ระดับไขมั(cholesterol), น้ำหนักตัว &ส่วนสูง ( weight & height), ตรวจเลือด
และตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดกรองโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราได้
เช่น การตรวจการเต้นของหัวใจ (heart rate), ความดันโลหิต (blood pressure),
ระดับไขมั(cholesterol), น้ำหนักตัว &ส่วนสูง ( weight & height), ตรวจเลือด
และตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดกรองโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราได้
ตามเป็นจริงจะพบว่า ตลอดทั้งร่างกายของเราสามารถทำการตรวจ
ได้หมด ยกเว้นเฉพาะ “สมอง” ของเราเท่านั้นทีไม่ได้รับการตรวจ
สมองของคนเราถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด...
แต่ทำไมจึงถูกละเว้น หรือมองข้ามไป
ไม่ทำการตรวจละ?
คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงเป็นเพราะเรายังไม่มีวิธีการที่จะนำมาใช้
ในการประเมินสุขภาพของสมองได้กระมัง
ซึ่งไม่แน่ ในวันข้างหน้า...เราอาจมิวิธีการที่ถูกนำมาใช้ตรวจก็ได้
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยได้ทำการตรวจปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง
เรียกว่า “cognitive reserve”
ซึ่งเป็นคำง่ายๆ ที่บอกให้เราได้ทราบว่า
ในระหว่างเซลล์ของสมอง (neurons) ถ้ามองด้วยกล้องจุล...
ซึ่งเป็นคำง่ายๆ ที่บอกให้เราได้ทราบว่า
ในระหว่างเซลล์ของสมอง (neurons) ถ้ามองด้วยกล้องจุล...
จะพบความหนาทึบของส่วนเชื่อมต่อ (connections) ระหว่างเซลล์
ประสาทสมองจำนวนมากมาย
ประสาทสมองจำนวนมากมาย
ในสมองของคนที่พบว่า มีสว่นเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทสมอง
ซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่า axons & dendrites เป็นจำนวนมาก....
ยิ่งมีความแน่นทึบมาก จะพบว่าสมองของคนนั้นมีความทนทานทาน
ต่อภาวะเสื่อมสภาพ (degeneration) ของสมองได้มาก
ซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่า axons & dendrites เป็นจำนวนมาก....
ยิ่งมีความแน่นทึบมาก จะพบว่าสมองของคนนั้นมีความทนทานทาน
ต่อภาวะเสื่อมสภาพ (degeneration) ของสมองได้มาก
ยกตัวอย่าง
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น...
สมมุติว่า ท่านมีทางเชื่อมติดต่อระหว่างเซลล์สมองเพียงหนึ่งเส้น
และจากการเสื่อมสภาพของของสมอง จนเป็นเหตุให้ทางเชื่อมต่อ
(connection) ระหว่างเซลล์ประสาท ย่อมทำให้การสื่อสัญญาณประ
สาทเสียไป ซึ่งทำให้การทำงานของสมองที่เกี่ยวกับเซลล์ประสาท
ตัวนั้นเสียไปด้วย
สาทเสียไป ซึ่งทำให้การทำงานของสมองที่เกี่ยวกับเซลล์ประสาท
ตัวนั้นเสียไปด้วย
แต่ถ้าหากคนเดียวกันนี้ มีทางเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทมากกว่า
หนึ่งเส้นทาง และการที่จะทำให้สมองสูญเสียการทำงานไป โรคที่
เกิดขึ้นจะต้องทำลายส่วนที่เชื่อมต่อเซลล์ประสาทหมดทุกเส้น
จึงจะทำให้เกิดอาการขึ้นได้
เกิดขึ้นจะต้องทำลายส่วนที่เชื่อมต่อเซลล์ประสาทหมดทุกเส้น
จึงจะทำให้เกิดอาการขึ้นได้
ในกรณีของคนมีสุขภาพดี (phsycal fitness)...
ไม่ได้หมายความว่า เขาจะปลอดภัยจากการเป็นโรคได้
แต่การมีสุขภาพดี จะลดโอกาสไม่ให้เกิดโรค
พร้อมกับลดความรุนแรงของโรคได้
พร้อมกับลดความรุนแรงของโรคได้
การมี cognitive reserve สามารถทำให้คนเรามีความทนทาน
ต่อการเป็นโรคทางระบบประสาทสมองได้ ซึ่งหมายความว่า
โรคไม่สามารถทำลายส่วนเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้หมดทุกเส้น
จึงทำให้คนไข้ไม่มีอาการแสดงของโรคปรากฏออกมา
โรคไม่สามารถทำลายส่วนเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้หมดทุกเส้น
จึงทำให้คนไข้ไม่มีอาการแสดงของโรคปรากฏออกมา
และพลังสำรองอันนี้แหละ (cognitive reserve) ถูกนำมาประเมินความ
สมรรถภาพสมอง (brain fitness)
คำถามต่อไปมีว่า...
เราจะทำให้ cognitive reserve ดีขึ้นได้อย่างไร ?
Dr. Joe Verhese จาก Albert Einstein College of Medicine in New York ได้ทำการศึกษาถึงผลกระทบระหว่างวิถีชีวิตทางกาย และจิต
โดยกระทำในคนทีมีอายุ 75 ปีขึ้นไป จำนวน 467 คน ศึกษาเป็นเวลา 5 ปีDr. Joe Verhese จาก Albert Einstein College of Medicine in New York ได้ทำการศึกษาถึงผลกระทบระหว่างวิถีชีวิตทางกาย และจิต
ในแต่ละคนไม่มีอาการของโรคสมองเสื่อม แต่พอ 5 ปีให้หลังพบว่า
มีมากหนึ่งในสี่ หรือ 25 % เกิดเป็นโรคสมองเสื่อม (dementia)
ผลจากการศึกษา พบสิ่งที่น่าสนใจ คือมีความสัมพันธ์ระหว่าง
“กิจกรรมทางจิต (mental activity) “ กับการเป็นโรค (disease)
อย่างมีนัย...
และยังพบอีกว่า ไม่มีกิจกรรมทางจิตอันใดดีกว่ากัน
อย่างมีนัย...
และยังพบอีกว่า ไม่มีกิจกรรมทางจิตอันใดดีกว่ากัน
แต่การมีกิจกรรมทางจิตหลายอย่างต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ที่ทำให้ cognitive reserve เพิ่มขึ้น
ที่ทำให้ cognitive reserve เพิ่มขึ้น
ตามความเข้าใจของแพทย์ในเรื่องที่เกี่ยวกับสมองมีว่า...
ถ้าเราไม่ใช้มัน (สมอง) เราก็จะสูญเสียมันไป (use it or lose it)
ผลจากการศึกษาของ Dr. Verhese ได้สนับทฤษฎีของ cognitive reserve
ในประเด็นที่ว่า “การมีกิจกรรมเกี่ยวกับจิต (mental activities) มากอย่าง
จะทำให้สมองสร้างพลังสำรอง (reserve) ด้วยการสร้างทางเชื่อมต่อ (connections) ระหว่างเซลล์สมองเพิ่มมากขึ้น
และในขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมให้เซลล์มีการเจริญดีขึ้น
(promoting cell growth)
ในประเด็นที่ว่า “การมีกิจกรรมเกี่ยวกับจิต (mental activities) มากอย่าง
จะทำให้สมองสร้างพลังสำรอง (reserve) ด้วยการสร้างทางเชื่อมต่อ (connections) ระหว่างเซลล์สมองเพิ่มมากขึ้น
และในขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมให้เซลล์มีการเจริญดีขึ้น
(promoting cell growth)
ในขณะที่สมองมีการสร้างพลังสำรอง (cognitive reserve) ขึ้น
ปรากฏว่ามันไม่ได้ลดการเกิดโรคสมองเสื่อมแต่อย่างใด
มันเป็นเพียงแต่การชะลอผลกระทบจากโรคเท่านั้น
โดยไม่ให้คนเกิดมีอาการใด ๆ
โดยไม่ให้คนเกิดมีอาการใด ๆ
เป็นที่น่าสนใจอีกว่า...
ผลของการศึกษา ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง
“การมีสุขภาพดี” กับ “cognitive Reserve” เลย
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สามารถทำให้มีสุขภาพกายดี และมีความรู้สึกดีขึ้น
แต่ไม่มีส่วนในการสร้างพลังสำรองของสมองแต่ประการใด
โดยสรุปสมรรถภาพทางจิต (mental fitness) จะดีได้
จำเป็นต้องอาศัยอาหารและการบริหารทางจิตเท่านั้น...
แต่ไม่มีส่วนในการสร้างพลังสำรองของสมองแต่ประการใด
โดยสรุปสมรรถภาพทางจิต (mental fitness) จะดีได้
จำเป็นต้องอาศัยอาหารและการบริหารทางจิตเท่านั้น...
http://www.mybrain.co.uk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น