สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน...
เราจะพบความเปลี่ยนแปลงในสมอง
โดยมีการเริ่มต้นในส่วนของสมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
ในขณะที่สมองมีการเปลี่ยนแปลงเสื่อมลงไป นั้น
เราจะพบการเปลี่ยนแปลงของสมอง ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับ
ความจำ (memory), ความใส่ใจ (attention), การตัดสิน
ปัญหาได้เหมาะสม และสามารถในการวางแผนเพื่อให้งาน
สำเร็จได้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ทางกล้องจุลทรรศน์ของสมอง
ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโรคพาร์กินสัน และภาวะ
สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน คือ มีสารโปรตีนชื่อ
alpha-synuclein กระจายในสมอง
โดยที่ไม่ทราบว่าการมันทำงานตามปกติอย่างไร ?
โดยที่ไม่ทราบว่าการมันทำงานตามปกติอย่างไร ?
สารโปรตีนที่ว่านั้น มีชื่อเรียก Lewy bodies
Lewy bodies นอกจากจะพบในสมองของคนเป็นโรคพาร์กินสันแล้ว
เรายังพบเห็นในคนที่เป็นโรคสมองชนิดอื่น ๆ
รวมถึงคนเป็นโรคสมองเสื่อมที่มีสาร Lewy bodies
(dementia with Lewy body)
(dementia with Lewy body)
จากหลักฐานชี้ให้เห็นว่า
ในคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมที่มีสาร Lewy bodies,
ในคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมที่มีสาร Lewy bodies,
ในคนที่สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน, และโรคพาร์กินสันอาจมีส่วนสัมพันธ์
กับความผิดปกติต่าง ๆ จากกระบวนการเกิดสาร alpha-synuclein ก็ได้
กับความผิดปกติต่าง ๆ จากกระบวนการเกิดสาร alpha-synuclein ก็ได้
โรคพาร์กินสัน เป็นความผิดปกติของระบบประสาทของคนสูงอายุ
โดยมีการประมาณการณ์ตัวเลขเอาไว้ว่า
จะมีคนเป็นโรคดังกล่าวได้ประมาณ 2 % ของคนมีอายุมากกว่า 65
The National Parkinson Foundation ได้ประเมินเอาไว้ว่า
มีชนชาวอเมริกันประมาณ 1 ล้านคนเป็นโรคพาร์กินสันกัน และใน
จำนวนดังกล่าว ประมาณ 50 – 80 % จะลงเอยด้วยการกลายเป็น
โรคสมองเสื่อมพาร์กินสัน (Parkinson’s disease dementia)
ซึ่งระยะเวลาจากการเปลี่ยนแปลงของโรคพาร์กินสัน สู่การเกิด
อาการ (Symptoms)
ภาวะสมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease
Dementia) จะพบความเสื่อมเกิดในด้านการคิด (thinking)
และการคิดอย่างมีเหตุผล (reasoning)
ซึ่งเกิดขึ้นในบางคนที่ได้รบการวินิจฉัยว่า เป็นโรคพาร์กินสัน
โดยเราจะพบได้ในหนึ่งปีในช่วงแรก ๆ ของการเกิดโรค
อาการของโรค (PD) ที่พบบ่อย:
§ มีการเปลี่ยนแปลงในด้านความจำ, สมาธิ และการตัดสินใจ
§ มีความลำบากในการแปลผลของข้อมูลที่ได้ทางภาพ
§ พูดเสียงอู้อี
§ ภาพหลอน
§ เข้าใจผิด มีความคิดวาดระแวง
§ ภาวะซึมเศร้า
§ ความวิตกกังวล และหงุดหงิด
§ มีปัญหาในด้านการนอนหลับ โดยเฉพาะหลับในช่วงกลางวัน
และชอบง่วงนอน
เราไม่มีการตรวจ (test) อย่างเดี่ยว หรือการตรวจ (tests)ร่วมอย่างอื่น
เพื่อวินิจฉัยโรคเหมือนกับโรคสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ
เพื่อระบุว่า เขาหรือใครเป็นโรค “สมองเสื่อมพาร์กินสัน”
(Parkinson’s disease dementia) ได้
เพื่อวินิจฉัยโรคเหมือนกับโรคสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ
เพื่อระบุว่า เขาหรือใครเป็นโรค “สมองเสื่อมพาร์กินสัน”
(Parkinson’s disease dementia) ได้
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า...
โรคสมองเสื่อมพาร์กินสัน และ โรคสมองเสื่อม Lewy dodies
(dementia with lewy body)....
ข้อแนะนำ (guidelines) สำหรับการวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมพาร์กินสัน
และสมองเสื่อม Lewy มีดังนี้:
§ คนเป็นโรคสมองเสื่อมพาร์กินสัน จะถูกวินิจฉัยเมื่อเขาเริ่มต้นถูกวินิจฉัยว่า
เป็นโรคพาร์กินสัน เมื่อมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
เป็นโรคพาร์กินสัน เมื่อมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
โดยไม่มีอาการของสมองเสื่อมเลย
จนกว่าเวลาจะผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งปี หรือหลายปีให้หลัง
จนกว่าเวลาจะผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งปี หรือหลายปีให้หลัง
§ เราจะวินิจฉัยว่าใครเป็นโรคสมองเสื่อม Lewy bodies เมื่อ:
o คนไข้จะมีอาการสมองเสื่อม ซึ่งสอดคล้องกับโรค
สมองเสื่อม lewy bodies ตั้งแต่แรก
o เมื่อคนไข้มีอาการสมองเสื่อมร่วมกับการเคลื่อนไหว
ทีผิดปกติเกิดพร้อมกัน และ
o เมื่อคนไข้เกิดมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติภายในหนึ่งปี
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่า มีสมองเสื่อมร่วมกับการมี Lewy bodies
Brain Imaging:
เนื่องจากคนเป็นโรคพาร์กินสันจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดสมองเสื่อมได้สูง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จะพบว่าแพทย์ที่ให้การดูแล
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จะพบว่าแพทย์ที่ให้การดูแล
รักษาคนไข้จะสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงในความคิดอ่าน (thinking)
ของคนไข้อย่างใกล้ชิด
และในขณะที่คนไข้ดังกล่าวเกิดมีอาการเปลี่ยนแปลงทางความ
คิดเมื่อใด แพทย์มักจะสั่งให้ทำการตรวจดูภาพของสมองด้วย
เพื่อพิจารณาตรวจหาโรคชนิดอื่น ๆ ทีอยู่ในสมอง
เพื่อพิจารณาตรวจหาโรคชนิดอื่น ๆ ทีอยู่ในสมอง
เช่น มะเร็ง (tumors) และตรวจดูความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่บ่งชี้ให้ทราบว่า
คนไข้เป็นโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด(vascular disease)
คนไข้เป็นโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด(vascular disease)
NEXT >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น