วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

Parkinson’s Disease: Medical treatment

Treatments and drugs



โรคพาร์กินสันไม่สามารถรักษาได้
แต่มียาหลายตัวสามารถควบคุมอาการต่างได้...ควบคุมได้ดีเสียด้วย
สำหรับรายที่พัฒนาถึงขั้นสุดท้าย (advanced cases) การผ่าตัดอาจช่วยได้
นอกเหนือจากยารักษาแล้ว  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เช่น  การออกกำลังกาย  น่าจะมีประโยชน์
บางรายอาจมุ่งไปที่กายภาพบำบัดเพื่อช่วยทำให้การทรงตัวดีขึ้น

ยารักษา :
เรามียาหลายชนิดถูกนำมาใช้รักษาโรคไข้โรคพร์กินสัน
ซึ่งมีปัญหาด้านการเดิน  การเคลื่อนไหว  และมีการสั่นเทาทั้งตัว
โดยเป็นผลมาจากสมองขาดสาร dopamine

หลังการได้รับยารักษา  อาการคนไข้อาจดีขึ้นทันตาเห็น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ประโยชน์ที่ได้จากยาจะลดลง หรือใช้ไม่ได้ผลเลย
เหมือนตอนเริ่มการรักษา

ยาที่แพทย์สั่งให้แก่คนไข้  ซึ่งอาจเป็น..

Current Treatment for Pakinson's Disease (PD)
  • Levodompa drugs
  • Dopamine agonists
  • Catechol-O-transferase(COMT) inhibitors
  • Anticholinergics
  • MAO-B inhibitors
  • Amantidine
§  Levodopa-carbidopa (Sinemet).
  
     เป็นที่รู้กันว่า  Levodopa เป็นยาที่
ดีที่สุดสำหรับใช้รักษาโรคพาร์กินสัน  เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ
เมื่อผ่านเข้าสู่สมองจะถูกเปลี่ยนเป็นสาร dopamine

Levodopa  จะถูกรวมกับ carbidopa  ซึ่งจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้สาร
Levodopa เปลี่ยนเป็น dopamine ก่อนที่มันจะถึงสมอง

ในยุโรป  Levodpa ยังถูกรวมกันสารอีกตัว ชื่อ benzerazide
(Madopar) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆ กับ carbidopa

ผลข้างเคียงของยา  ได้แก่อาการคลื่นไส้ หรือเมื่อยืนขึ้นจะทำให้ความ
ดันโลหิตลดลง  อาจทำให้คนไข้เกิดมีอาการเป็นลมได้

ภายหลังจากรักษาด้วยดังกล่าวเป็นเวลาหลายปี 
ประโยชน์ที่พึงได้จากยาจะลดลงไป  และค่อยๆ หายไป
นอกจากนั้น  การรับประทานยา levodpa ที่มีขนาดสูงๆ สามารถทำให้เกิด
มีการเคลื่อนไหวของกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ (dyskinesia)
ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการลดขนาดยาลงมา

§  Dopamine agonists.
ยาในกลุ่มนี้จะแตกต่างจาก Levodopa….
โดยไม่มีการเปลี่ยนไปเป็นสาร dopamine 
แต่จะออกฤทธิ์ในสมองคล้าย dopamine 
และผลของการรักษาจะน้อยกว่า levodopa

อย่างไรก็ตาม  สาร dopamine agonist จะอยู่ได้นานกว่า
และอาจนำมาใช้ร่วมกับสาร levodopa  เพื่อขจัดผลข้างคียงที่เกิดจากสาร
     Levodopa ให้ลดน้อยลง หรือให้หายไป

ยาในกลุ่ม dopamine agonists ได้แก่ pramipexole (Mirapex)
และ ropinirole (Requip)  ส่วนยาสำหรับฉีด
ซึ่งออกฤทธิ์ในระยะสั้น และเร็ว มีชื่อว่า apomorphine

สำหรับผลข้างเคียงของยากลุ่ม dopamine agonists จะมีคล้ายๆ กับยา
Levodopa-carbidopa  และยังทำให้เกิดมีภาพหลอน., บวม, นอนไม่หลับ
และมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป  (เช่น hypersexuality, gambling and
Eating)

§  MAO B inhibitors.

ยาในกลุ่มนี้ได้แก่  selegiline (Eldepryl, Zalapar) และ resagilline (Azilect)
มันะออกฤทธิ์ด้วยการป้องกันไม่ให้สาร dopamine ในสมองแตกสลาย
ด้วยการรวมตัวกับเอ็นไซม์ monoamine oxidase B (MAO B)
ซึ่งเอ็นไซม์ตัวนี้จะทำหน้าที่เผาผลาญ (metabolize) dopamine ที่อยู
ในสมองให้แตกสลายไป

ผลข้างเคียงของยาจะไม่ค่อยจะมี  แต่อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือ
ปวดศีรษะได้

ถ้ามีการนำยาตัวนี้มาให้กับคนไข้ร่วมกับยา levovopa-carbidopa
เมื่อใด  จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอาการประสาทหลอนได้

ข้อควรระวัง...
อย่าใช้ยา MAO B ร่วมกับยากลุ่ม Anti-depressants หรือ Narcotics
บางตัวเป็นอันขาด  เพราะจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงได้

§  Catechol O-methyltransferase (COMT) inhibitors.

ยาหลักในกลุ่มนี้ได้แก่  Entacapone (Comtan)  มีฤทธิ์ทำให้ยา levodopa
ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้นได้เล็กน้อย  โดยไปบล็อกการทำ
งานของเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายสาร levodopa ลง

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น  เกิดจากการไปเพิมศักยภาพของสาร levodopa
เช่น ทำให้เกิดมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถควบคุมได้ (dyskinesia)

นอกจาก Entacapone แล้ว  ยังมีอีกสารตัวหนึ่งที่เราควรทราบเอาไว้
คือ Tolcapone (Tasmar) ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม COMT inhibitors
แต่เราไม่ใช้กันเพราะมันมีอันตรายต่อการทำลายตับอย่างรุนแรง สามารถ
ทำให้ตับล้มเหลวลงได้ (Liver damage & liver failure)
ให้ทราบเท่านั้น...ห้ามใช้

§  Anticholinergics.

ยาในกลุ่มนี้ถูกนำมาใช้รักษาคนเป็นโรคพาร์กินสันนานหลายปีแล้ว
โดยออกฤทธิ์ควบคุมอาการสั่นของกาย (tremor)
ยาในกลุ่มนี้มีหลายขนานด้วยกัน  คือ benztropine (Cogentin)
และ trihexyphenidyl (Artane)

ผลเสียจากการใช้ยาดังกล่าวได้แก่  ทำให้เกิดความจำเสื่อม, อาการสับสน,
ประสาทหลอน, ท้องผูก, ปากแห้ง และ ปัสสาวะลำบาก

§  Amantadine.

แพทย์อาจสั่งยาตัวนี้ให้แก่คนไข้พาร์กินสันเพียงขนานเดียว 
เพื่อบรรเทาอาการที่ไม่มาก  โดยเฉพาะในระยะแรก ๆ ของการเกิดโรค
นอกจากนั้น  อาจใช้ร่วมกับ carbidopa-levodopa เพื่อรักษาคนไข้ที่อยู่
ในระยะหลัง ๆ (later stage of Parkinson’s disease)
สามารถควบคุมอาการเคลื่อนไหวที่บริเวณรอบปาก และลิ้น (dyskinesia)
ซึ่งเกิดจากการใช้ยา Levodopa-carbidopa
ผลข้างเคียงที่เกิดจากยาตัวนี้  ได้แก่ ทำเกิดมีผิวหนังแดงช้ำเป็นดวงๆ,
บวมที่บริเวณข้อเท้า หรือ เกิดมีอาการประสาทหลอน


http://www.mayoclinic.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น