วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

Adverse Reaction to High Blood Pressure Medication




คงไม่มีท่านใดปฏิเสธได้ว่า...
ยาลดความดันโลหิตเป็นยาช่วยชีวิตของคนไข้ได้จริง  แต่ในขณะเดียว
กันมันสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้มากมาย  ซึ่งทำให้คนไข้เกิด
ความไม่สบายมากพอถึงกับทำให้คนไข้หยุดยาได้

ตามที่ National institutes of Health กล่าวว่า
คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ยามากกว่าหนึ่ง
ตัว  เพื่อลดระดับความดันโลหิตลง

จากการใช้ยาหลายตัวนี้เอง  จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลขางเคียง
และทำให้เกิดปัญหาในการรักษาให้แก่คนที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์  
และถ้าเกิดผลข้างเคียงขึ้น  แพทย์สามารถปรับแผนการรักษาได้โดยไม่ยากนัก

ความสำคัญ
ตามรายงานของ FDA กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ที่ได้รับยาลดความดัน
โลหิต  จะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น  และถ้าหากมีผลข้างเคียงเกิด
จากยาที่ใช้  ส่วนมากเมื่อเวลาผ่านไปคนไข้สามารถทนต่อยานั้นๆ ได้
นอกเหนือจากนั้น  ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นบ่อย  ได้แก่ ปวดศีรษะ, วิงเวียน
หรือมีอาการแน่นท้อง  ซึ่งสามารถจัดการได้ไม่ยาก

ชนิดของยาที่ใช้ (MEDICATION TYPES)
มียาหลายขนานสำหรับรักษาความดันโลหิตสูง  ถูกแบ่งเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน
โดยอาศัยบทบาทการทำงานของยาเป็นเป็นพื้นฐานในการแบ่ง
และยาแต่ละกลุ่ม  ต่างมีผลข้างเคียงแตกต่างกันไป

จากรายงานของ American Heart Association ได้รายงานว่า
กลุ่มยาที่นำมาใช้อย่าสม่ำเสมอเป็นประจำ  ได้แก่  diuretics, beta blockers,
angiotensin converting enzyme (ACE) inhibitors, andgiotension
receptor blockers (ARBs), alphablockers และ vasodilators.

ผลข้างเคียง (SIDE EFFECTS)
ตามรายงานของ FDA กล่าวว่า  diuretics อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน,  
ปัสสาวะบ่อยครั้ง, ปวดศีรษะ, รู้สึกการหายน้ำ และออกแสบร้อนที่ยอดอก 

นอกจากนั้น  AHA ยังรายงานอีกว่า...
diuretics  ยังก่อให้เกิดกล้ามเนื้อขาปั้น (leg cramps), รู้สึกอ่อนแรง  หรือเพลีย,
ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น  และทำให้คนเป็นโรคเก๊าท์เกิดมีอาการ

สำหรับ beta blockers…
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาในกลุ่มนี้  ซึ่งรายงานโดย AHA
ได้แก่  อาการนอนไม่หลับ  มือเท้าเย็น, รู้สึกเหนื่อย หรือซึมเศร้า, 
มีอาการเหมือนกับคนเป็นโรคหืดหอบ  และหมดความรู้สึกทางเพศ
นอกจากนั้น  FDA ยังเสริมอีกว่า  ยากลุ่มดังกล่าว  ยังสามารถทำให้เกิดอาการ
ปวดศีรษะ, วิงเวียน, แน่นท้อ และเกิดอาการท้องผูก

ยากลุ่ม Angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEIs)…
ยากลุ่ม ACEIs อาจทำให้เกิดมีผื่นที่ผิวหนัง (rash), ไร้รสชาติ, ไอแห้ง ๆ อย่างต่อเนื่อง  
นอกเหนือจากนั้น  ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น  ยังสามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียน,
เหนื่อย, ปวดศีรษะ, นอนไม่หลับ และหัวใจเต้นเร็ว

ส่วนยาในกลุ่ม ARBs…
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่  เจ็บคอ, แน่นท้อง, วิงเวียนเป็นบางครั้ง,
ท้องร่วง,  ปวดหัวไซนัส (sinus troubles), และปวดบริเวณคอ.

Calcium channel blockers 
จากรายงานของ AHA กล่าวว่า  ผลข้างเคียงของยากลุ่ม CCB ได้แก่ หัวใจเต้น
ผิดจังหวะ (abnormal heart rhythm), ข้อเท้าบวม, ท้องผูก, ปวดศีรษะ
และวิงเวียน  นอกจากนั้น  FDA ยังเสริมอีกว่า ยาในกลุ่มดังกล่าว  
ยังทำให้เกิดง่วงนอน, ปวดศีรษะ, แสบหน้าอก  แหน้าแดง

Alpha blockers
ยากลุ่มนี้  อาจทำให้เกิดหัวใจเต้นเร็ว, มีอาการวิงเวียน, ลุกขึ้นเร็วสามารถทำให้
ความดันลดต่ำเมื่อคนไข้ลุกขึ้นยืน (AHA)
นอกจากนั้น FDA ยังกล่าวอีกว่า Alpha blockers ยังทำให้เกิดอาการเหนื่อย,
วิงเวียน, มีปัญหาด้านการมอง, มีอาการบวมที่มือ ขา และเท้าทั้งสอง
และอาจก่อให้เกิดการสูญเสียความรู้สึกทางเพศ (impotence) ได้


ยากลุ่ม Vasodilators…จากรายงานของ AHA กล่าวว่า  ผลข้างเคียงที่เกิดจากยากลุ่ม vasodilators
ได้แก่ ปวดศีรษะ, บวมที่บริเวณรอบตา, หัวใจเต้นผิดปกติ, ปวดข้อ, น้ำหนักตัว
เพิ่มขึ้น  และมีขนตามตัว  นอกจกนั้น  มันยังสามารถทำให้เกิดมีอาการปวด
ท้อง, วิงเวียนตามที่ FDA กล่าว
<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
<!--[endif]-->

แง่คิดต่างๆ ในการรักษาที่ควรรู้

ตาม Johns Hopkins Medical center ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ...
ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงเกิดขึ้น  สามารถแก้ไขได้หลายทางด้วยกัน
เป็นต้นว่า  ลดขนาดของยาลง,  เปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น
หรือสั่งยาที่ลดอาการที่เกิดจากฤทธิ์ค้างเคียง  
ย่อมสามารถแก้ปัญหาได้

นอกจากนั้น  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง  เช่น  อาบน้ำอุ่น  
หรือประคบด้วยนำแข็ง,  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  หรือแม้กระทั้งฝึกหายใจลึก ๆ
จะสามารถแก้ผลขางเคียงที่เกิดจากการใช้ยาลดความดันได้

คำเตือน
จากรายงานของ American academy of family physicians
กล่าวว่า   การรับประทานยาลดความดันมากกว่าหนึ่งขนานสามารถเพิ่ม
ความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้  โดยเกิดจากตัวยาหลายตัว
หรือเกิดจากยามีปฏิกิริยาต่อกันและกัน

นอกจากนั้น  ยังมีปัจจัยอย่างอื่น  ซึ่งทำให้ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยา
ได้แก่ ยาที่ซื้อจากร้านขายยา, ไวตามิน, สมุนไพร. อาหารต่างๆ และเครื่องดื่มต่างๆ

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อการใช้ยา  หากท่านใช้ยานอกเหนือจากที่
แพทย์สั่งให้แก่ท่าน  ท่านควรบอกให้แพทย์ได้ทราบด้วย

http://www.livestrong.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น