วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

Gout (ข้ออักเสบที่เราเคยเข้าใจ) 2 : Treatment plan

Aug. 5, 2013

(continued)

Long-Term Treatment
เป้าหมายของการรักษาโรคเก้าในระยะยาว...
หมายถึงการรักษาระดับของกรดยูริคในกระแสเลือด
ให้อยู่ในระดับปกติให้ได้

โดยปกติ กรดยูริคเป็นสารที่ได้จากการสลายตัวของสาร purine
ซึ่งพบได้ในอาหารที่คนเรารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารประเภท
โปรตีนในปริมาณสูง เมื่อมีกรดยูยูริคในกระแสเลือดถูกสะสมมากขึ้น
มันอาจตกผลึกในข้อ...กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และอาการเจ็บปวด
ซึ่งมาพร้อมกับภาวะที่เราเรียกว่า gout attack

ในคนที่เป็นโรคเก้าชนิดเรื้อรัง...
กรดยูริคที่ตกผลีกในเนื่อเยื่อ หรือข้อ สามารถก่อให้เกิดทำลายเนื้อเยื่อ และข้อ 
ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้เกิดมีก้อนภายใต้ผิวหนัง, ทำให้เกิดการผิดรูปของข้อ,
หรือทำให้การเสื่อมสภาพของข้อเสื่อมเลวขึ้น (osteoarthritis)

นอกจากนั้น เมื่อร่างกายมีกรดยูริคในปริมาณสูง...
มันสามารถก่อให้เกิดผลกระทบกับไต ด้วยการทำให้เกิดเป็นโรคนิ้วในไตได้ถึง 20 %
ซึ่งเป็นเหตุให้ไตถูกทำลาย และลงเอยด้วยการเป็นโรคไตวายในที่สุด

ก่อนที่แพทย์จะสั่งยารักษาคนเป็นโรคเก้า...
แพทย์จำเป็นต้องทราบก่อนว่า กรดยูริคที่อยู่ในร่างกายของท่านสูงขึ้นนั้น
เป็นผลมาจากอะไร ...สร้างมากเกินไป ? หรือ ถูกขับถ่ายออกจากกายได้น้อย ?
อย่างไรก็ตาม การมีกรดในกระแสเลือดสูง ไม่ได้หมายความว่า
ท่านเป็นโรคเก้า หรือท่านจะต้องเป็นโรคเก้า..
.
ยารักษาโรคเก้า (Gout Medications)
ยาต่างๆ ต่อไปนี้ สามารถบรรเทาอาการปวด, ลดการอักเสบ และลด
ระดับของกรดยูริคในกระแสเลือดลงได้

ถ้าผลของการตรวจเลือดขอท่านเพบว่า ระดับกรดยูริคในกระแสเลือดสูง
มันอาจหมายถึง ร่างกายของท่านสร้างกรดยูริคได้มากเกินไป หรือร่างกายของท่าน(ไต)
ซึ่งสามารถทราบได้ด้วยการตรวจปัสสาวะ เพื่อดูว่ามีกรดยูริค
ถูกขับออกมากได้มากน้อยแค่ใด  สามารถทำให้แพทย์ทราบได้ว่า
ต้นเหตุของระดับกรดยูริคสูงเกิดอะไร ?

จากนั้น ท่านอาจได้รับยาต่อไปนี้:

 Allopurinol (Lopurin, Zyloprim).
จัดเป็นยาที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง โดยมันจะออกฤทธิ์ลดระดับกรดยูริคลง
และอาจสลายผลึกของกรดยูริคลงได้ภายใน 3 - 6 เดือน
 และในระหว่างให้ยาดังกล่าว อาจทำให้เกิด  gout attack ได้

ความจริงมีว่า...
การให้ยา, หรือหยุดยา, และเริ่มการให้ยา allopurinol อาจเป็นเหตุทำให้
ระดับของกรดยูริค “ขึ้น-ลง” และกระตุ้นให้เกิดภาวะ gout attack ได้
และในระหว่างที่ยา allopurinol กำลังสลายผลึกของกรดยูริคที่อยู่ในเนื้อเยื่อนั้น
จะทำให้กรดยูริคกลับสู่กระแสโลหิต และถูกขับออกจาร่างกายไป

ถ้าในระหว่างที่มีอาการปวดปวดเกิดขึ้นมาใหม่ (gout attack)...
ยาที่ท่านควรได้รับ คือ colchicine, NSAIDs หรือ corticosteroid
ซึ่งสามารถระงับอาการปวด และลดการอักเสบลงได้

โดยทั่วไป แพทย์จะให้เริ่มให้ยา allopurinol ด้วยยาขนาดต่ำก่อน
หลังจากนั้น จึงค่อยๆ เพิ่มขนาด ทุก 2 – 4 อาทิตย์
จนกระทั้งเราสามารถควบคุมระดับกรดยูริค

การให้ยาตัวนี้ จะเหมาะสำหรับคนไข้ที่สร้างกรดยูริคได้มากเกินไป
(overprodcue versusUndersecrete) ซึ่งแพทย์สามารถบอกได้ด้วยการ
ตรวจเลือด และปัสสาวะของคนไข้

ผลข้างเคียงของการใช้ยา allopurinol ได้แก่...ทำให้เกิดผื่นบนผิวหนัง,
ทำให้ง่วง, ปวดท้อง และอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง

 Probenecid (Benemid, Probalan).
ถ้าระดับกรดยูริคในกระแสเลือดสูง เป็นผลมาจากไตไม่สามารถกำจัดกรดยูริคได้ตามปกติ
ยาที่ควรใช้ คือ probenecid  ซึ่งมันสามารถทำให้ร่างกายกำจัดกรดยูริคได้มากขึ้น
Probenecid จะมีอันตรายน้อยกว่า allopurinol แต่เป็นยาที่ห้ามใช้ในรายที่เป็นโรคไต

 Febuxostat (Uloric).
ยาตัวนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างกรดยูริค โดยการบลีอกเอ็นไซม์
ซึ่งใช้ในการสลายสาร purine ให้เป็นกรดยูริคได้
เป็นยาที่ปลอดภัยในคนที่เป็นโรคไต และโรคตับในระยะต้น (mild case)

ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ได้แก่ เป็นพิษ หรือละคายต่อตับ, ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้,
ปวดตามข้อ, และมีผื่น และทำให้เลือดจับตัวได้ง่ายกว่า allopurinol

<< Prev. Next >>

1 ความคิดเห็น:

  1. Good sharing. I read articles title “To Those Having Gout Problem” mentioned that your special gout remedy call up gout papaya green tea extract extremely good to help cure gout issue. See the article at: http://kidbuxblog.com/to-those-having-gout-problem/

    ตอบลบ