วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

Treatment for chronic Gout : สิ่งที่ท่านควรทราบ

Aug. 5, 2013

เมื่อท่านเป็นโรคเก้า ...
เป็นภาวะที่มีการตกผลึกของกรดยูริค ซึ่งมีกระแสเลือดสูงกว่าปกติ
พร้อมกับมีอาการเจ็บปวดจากข้ออักเสบ และบวมแดง
ซึ่งการดูแลรักษาภาวะดังกล่าว จะพุ่งเป้าหมายไปที่การทำให้ระดับของ
กรดยูริคลดลงต่ำว่า 6.0 mg/dL เพื่อป้องกันไม่ให้โรคเก้ากำเริบขึ้นมาได้อีก

กรดยูริคจะถูกสร้างจากสาร purines...
โดยเป็นสารที่ได้จากอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ และพืช
ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดยูริคในระหว่างกระบวนการณ์การย่อยอาหาร

ในบางคนพบว่า ร่างกายสามารถสร้างกรดยูริคมากไป (overproduction)
ส่วนอีกคนไม่สามารถขับกรดยูริคออกทางไตได้เท่าที่ควร (undersecrete)
เมื่อมีปริมาณของกระยูริคในกระแสเลือดสูง ย่อมมีโอกาสตกตะกอนเป็นผลึกในข้อ
และนื้อเยื่อ เป็นเหตุให้เกิดอาการปวด, เกิดการอักเสบ ข้อบวมแดง
ซึ่งเป็นเอกลักษณะของการเกิดโรคเก้า หรือเรียกทับศัพท์ว่า “gout attack”

ถ้าคนเป็นโรคเก้า ไม่ได้รับการรักษา...
กรดยูริคจะตกตะกอนเป็นผลึก สะสมภายใต้ผิวหนังที่อยู่รอบๆ ข้อ และเนื้อเยื่อ
ส่วนอื่น

ในการรักษาโรคเก้าเรื้อรัง (chronic gout)
แพทย์จะทำการใช้ยารักษา  ด้วยการให้ยาในระยะยาว
เพื่อควบคุมให้ระดับของกรดยูริคให้ลดลงสู่ระดับปกติ   และเนื่องจากยาต่างๆ
สามารถทำให้ระดับของกรดยูริคเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นได้
ดังนั้น  การใช้ยารักษาในระยะยาว จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าอาการเจ็บปวดจาก
ข้ออักเสบอย่างเฉียบพลันจะหายไป หรือถูกควบคุมได้เสียก่อน

มีคนไข้บางคนมีอาการปวดจากโรคเก้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ในกรณีดังกล่าว แพทย์อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อรักษาโรคเก้าในระยะยาว 
จนกว่าคนไข้จะเกิดมีอาการของโรคเก้าเป็นครั้งที่สอง
(second episode of gout attack)

และก่อนจะใช้ยาควบคุมโรคเก้าในระยะยาว (long-term medications)
จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ดังนั้นในระหว่างรอการใช้ยาควบคุมโรคเก้าใน
ระยะยาว แพทย์เขาจะใช้ยารักษาภาวะข้ออักเสบอย่างเฉียบพลัน เท่านั้น

ยาต่อไปนี้จะถูกนำมาใช้รักษาโรคเก้าเรื้อรัง (chronic gout):

Allopurinol (Lopurin, Zyloprim) :
Allopurinol เป็นยาพื้นฐานที่แพทย์ใช้ เพื่อลดระดับกรดยูริค ด้วยการลดการ
สร้างกรดยูริค และในขณะเดียวกัน ยาดังกล่าวยัีงมีฤทธิ์สลายตะกอนผลึกกรดยูริค
ที่อยูรอบๆ ข้อ หรือเนื้อเยื่อต่างๆ โดยใช้วเลาประมาณ  3 – 6 เดือน
และในระหว่างที่ยากำลังทำหน้าที่สลายก้อนผลึกอยู่นั้น...
มันอาจก่อให้เกิดมีอาการปวดเกิดขึ้นจากการอักเสบของข้อ (gout attack)
ด้วยเหตุนี้เอง  การใช้ยาตัวดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อภาวะการอักเสบเฉียบพลัน
ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ในการใช้ยา allopurinol...
แพทย์มักจะเริ่มใช้ยาในขนาดต่ำๆ (กิน) จากนั้นจึงเพิ่มขนาดยาทุกสอง ถึง
สามอาทิตย์ เพื่อทำให้ระดับกรดยูริคลดลงสู่ระดับที่ปลอดภัย

Allopurinol เป็นยาที่เหมาะสำหรับภาวะที่มีการสร้างกรดยูริคมากเกิน
ไป  แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในรายที่ไตไม่สามารถกำจัดกรดยูริคได้ตามปกติ
(undersecrete)  นั้นคือ ไตสามารถขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะได้น้อยกว่า 750 mg /24 hour
ซึ่งหมายความว่า กรดยูริคในปัสสาวะจะต้องมากกว่า 750 mg/ 24 hour sample
จึงจะอยู่ในกลุ่มที่มีการสร้างกรดยูริคได้มากกว่าปกติ (overproduction)

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา allopurinol ได้แก่ เกิดผื่นคันบนผิวหนัง, ง่วงนอน
และปวดท้อง (stomack upset) ซึ่งอาการจะหายไปเมื่อคนไข้ชินต่อการใช้ยา...

การแพ้ยาอย่างรุนแรง (allergic reaction) จะเป็นภาวะที่เกิดได้น้อยมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะพบเห็นในคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว, ความดันโลหิตสูง,เบาหวาน ,
โรคไต (kidney disease), แผลในกระเพาะอาหาร (stomach ulcers) หรือ ภาวะผิดปกติ
ในระบบย่อยอาหาร, หรือมะเร็งที่กำลังได้รับการรักษาด้วยรังสีรักษา หรือเคมีบำบัด

ในกรณีที่ท่านใช้ยา allopurinol...
ถ้าท่านเกิดมีอาการคัน (itching), มีผื่น (hives), ไข้ (fever), คลื่นไส้ (nausea)
หรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อ...ท่านจะต้องพบแพทย์ทันที

Febuxostat (Uloric) :
องค์การอาหาร และยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้ยอมรับยา Febuxostat (Uloric) ในปี 2009
ให้นำมาใช้รักษาโรคเก้า โดยยาดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างกรดยูริคได้
ด้วยการบล๊อกเอ้นไซม์ ซึ่งทำหน้าที่สลาย purinesให้เป็นกรดยูริค

Febuxostat (Uloric) เป็นยาสำหรับรับประทาน มีความปลอดภัยสำหรับคนที่เป็นโรคไต
และโรคตับที่ไม่รุนแรงนัก (mild – moderate)
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาตัวนี้ ได้แก่ liver irritation, neasea, rash, และ joint pain

 ผลเสียของยา Febuxostat...
 คือมันทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนเลือดได้มากกว่ายา allopurinol

Probenecid (Benemid, Probalan):
ยาตัวนี้ถูกนำมาใช้รักษาคนที่เป็นโรคเก้า ซึ่งระดับกรดยูริคสูงเพราะมีต้นเหตุ
จากไตขับกรดยูริคได้น้อยไป (undersecrete) เป็นยาทีสามารถทำให้ไตขับเอากรดยูริค
ออกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางโรคข้อ (rheumatologist) บางนายชอบที่จะ
ใช้ยา probenecid ได้มากกว่าใช้ allopurinol เพราะมีอันตรายน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม ยา probenecid จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อไตสามารถทำงานเป็นปกติ
ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ในคนที่เป็นโรคไต (kidney disease)

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้ได้แก่...อาจทำให้เกิดนิ้วในไต, คลื่นไส้, ผื่น
บยนผิวหนัง, ปวดท้อง, และปวดศีรษะ...

เมื่อใช้ยา probenecid...
คนไข้จะต้องดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อลดการเกิดนิวในไต (kidney stones)

Pegloticase (Krystexxa):
เป็นยาที่ถูกนำมาใชรักษาคนทีเป็นโรคเก้า ซึ่งมีความรุนแรง และไม่ตอบสนอง
ต่อการใช้ยาตัวอื่น ๆ  โดยไม่สามารถลดระดับกรดยูริคในกระแสเลือด
ซึ่งเป็นที่รู้กันในชื่อ chronic refactory gout

ยา Pegloticase จะออกฤทธิ์ลดระดับกรดยูริคหได้อย่างรวดเร็ว และสามารถ
ลดได้มากว่าการใช้ยารักษาตัวอื่น ๆ  แต่มันสามารถหมดฤทธิ์ได้ในเวลาที่ผ่านไป

ยาตัวนี้จะใช้ทุกๆ สองอาทิตย์ด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำอย่างช้าๆ
และต้องเสียเวลานอนพักในคลuนิคของแพทย์นานถึง 4 ชั่วโมง เพื่อสังเกตุอาการ
หลังการฉีดยา เพราะยาตัวนี้ สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังฉีดยา

ผลข้างเคียงอย่างอื่นของการใช้ยา pegloticase ได้แก่
ทำให้เกิดมีอาการของ gout attack, คลื่นไส้, ผิวหนังฟกช้ำ, เจ็บคอ, ท้องผูก, เจ็บหน้าอก
และอาเจียน

ข้อเตือนใจ...
ถ้าท่านมีความดันโลหิตสูง หรือวางแผนที่จะมีท้อง ท่านควรปรึกษาแพทย์
ก่อน

ในการใช้ยาควบคุมระดับกรดยูริคในระยะยาว แพทย์ควรใช้ยาอะไร ?

Allopurinol:
เมื่อใดก็ตาม ที่คนเป็นโรคเก้า และมีโรคไตวาย, เป็นโรคนิ้วในไต หรือมีก้อน
ของกรดยูริคสะสมใต้ผิวหนัง (tophi); หรือไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา probenecid...
สามารถใช้ยา allopurinol

Febuxostat:
ในคนไข้ที่เป็นโรคไตที่มีความรุนแรงเล็กน้อย ถึงพอประมาณ หรือเป็นโรค
ตับ เราสามารถใช้ยา febuxostat ซึ่งได้ผลดีพอๆ กับการใช้ยา allopurinol
และมีผลข้างเคียงเหมือนกัน

Probenecid:
เป็นยาที่ถูกนำไปใช้ในกรณีที่ไตไม่สามารถขับกรดยูริคออกได้ตามปกติ(undersecrete)
ซึ่งหมายถึงไตขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะใน 24 ชั่วโมงได้น้อยกว่า 750 mg

นอกจากนั้น ยาตัวนี้ยังถูกนำไปใช้ในในคนไข้ทีไม่สามารถทนต่อการใช้ยา allopurinol
แต่ไม่ควรนำไปใช้ในคนสูงอายุ; คนที่เป็นโตวาย หรือเป็นนัวในไต; ไม่ควร
ใช้ในคนที่ใช้ยา “แอสไพริน” เพราะมันสามารถบลีอคการทำงานของยา Probenecid;
และไม่ควรใช้ในคนที่มีการผลิตกรดยูริคมากไป

ww.arthritistoday.org/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น