วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

Psoriatic Arthritis (PsA): สิ่งที่เราควรทราบ (3 )

Aug.19,2013

(Continued)

Who Gets Psoriatic Arthritis?
ตามรายงานของ The Annals of Rheumtic Disease...
ว่า คนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินระหว่าง 6 ถึง 42 % จะเกิดโรคไข้ข้ออักเสบ โดยโรคจะเกิดขึ้นช่วง 30 – 55 ของคนที่เป็นโรคข้อสะเก็ดเงิน
แต่ก็มีบ้าง ที่วินิจฉัยโรคได้ในช่วงที่เป็นวัยเด็ก (childhood)

ทั้งชาย และหญิงที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ต่างมีโอกาสเกิดเป็นโรคข้ออักเสบได้
เท่าๆ กัน โดยมีประมาณ 70 % ของคนไข้ที่เกิดโรคอักเสบ จะเป็นโรคสะเก็ดเงินมาก่อน 

ส่วนอีกประมาณ 15 % อาการทางผิวหนัง และทางข้ออักเสบ จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

What Causes Psoriatic Arthritis?

อะไรคือสาเหตุทำให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน... ?
จะว่าไปแล้ว โรคสะเก็ดเงินก็เหมือนกับโรคข้อักเสบชนิดอื่นๆ นั่นแหละ...
โดยพบว่า ไม่มีสาเหตุเดียวหรอก ที่ทำให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน ผลจากการวิจัยพบ
ว่า ทั้งโรคสะเก็ดเงิน และโรคไขข้อจากสะเก็ดเงินต่างมีความผิดปกติทาง
พันธุกรรมด้วยกัน และยังพบอีกว่า 40 % ของคนเป็นโรคดังกล่าว จะมี
สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบเป็นโรคสะเก็ดเงินด้วยเหมือนกัน

อย่างที่กล่าว...
คนที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคไขข้อักเสบทุกคน
และผลจากการวิจัยเชื่อว่า โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (PsA) สามารถถูกกระ
ตุ้นด้วยการอักเสบติดเชื้อ หรือถูกกระตุ้นโดยปัจจัยทางนอกร่ากายมากไป
เช่น ความเครียด (stress) หรือได้รับบาดเจ็บ (injury)  
ซึ่งจะกระทบกับระบบภูมิคุ้มกัน  ที่ทำงานบิดเบี้ยวอยู่แล้ว...ต้องบิดเบี้ยวเพิ้มขึ้น
จนเป็นเหตุให้มีข้ออักเสบเกิดขึ้น

How Is Psoriatic Arthritis Diagnosed?
ในการวินิจฉัยโรคข้ออักเสบสเก็ดเงิน (PsA)...
เราต้องใช้เวลา เพราะอาการแสดงของโรคดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับ
ข้ออักเสบชนิดอื่นๆ เช่น ไข้ข้ออักเสบจากโรครูมาตอยด์ หรือแม้กระทั้ง
โรคเก้าเอง....และบางทีอาจทำให้เราสับสนกับโรคข้อเสื่อม (OA) เสียด้วยซ้ำไป 

ในการวินิจฉัยโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน...
บางคนกล่าวว่า มันคล้ายๆ กับการเล่นเกมพัชเซิล (puzzle)
โดยมีบ่อยครั้งที่คนไข้จะมีอาการปวดข้อ หรือการอักเสบของข้อเพียงข้อเดียว 
หรือักเสบสองข้อ หรือโรคสะเก้ดเงินอาจซ่อนตัวหนังศีรษะ ซึ่งปกคลุมด้วยผม...
ถ้าคนไข้ไม่บอก  แพทย์ผู้ทำการตราจก็อาจไม่ทราบ...
ดังนั้น ทั้งแพทย์ และคนไข้จะต้องเล่นเกมพัชเซิลด้วยกัน 
สามารถทำให้การวินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้น

ถ้าท่านอยู่ในเมืองใหญ่....
ท่านอาจถูกส่งตัวไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (rheumatologist) เพื่อการวินิจฉัย 
ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย มองหารอยโรค เช่น อาการปวด และการ
อักเสบของข้อ, มองหาอาการแสดงของโรคสะเก็ดเงิน
เช่น ผิวหนัง หรือความผิดปกติของเล็บมือ เล็บเท้า

เราต้องระลึกไว้เสมอว่า...โรคสะเก็ดเงินมักจะซ่อนตัวที่บริเวณหนังศีรษะ,
หลังใบหู, สะด์อ, และบริเวณร่องของของก้นหย่อน

แพทย์อาจสั่งตรวจเอกซเรย์ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของกระดูก -ข้อ
การตรวจเลือด สามารถบ่งบอกให้ทราบถึงการอักเสบ 
เช่น การตรวจดู C-reactive protein และ rhuematoid factor 
(เป็น autoimmunity ซึ่งอาจพบได้ในคนที่เป็นโรค RA แต่จะไม่เกิดในคนที่เป็น
โรคสะเก็ดเงินเป็นอันขาด)

แพทย์อาจทำการตรวจอย่างอื่นๆ เช่น sedimentation rate....เป็นการวัดการตก
ของเม็ดเลือดแดงในลดทดลองในหนึ่งชั่วโมง  ถ้ามีค่าสูงย่อมบ่งบอกให้ทราบว่า 
มีการอักเสบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนั้น แพทย์อาจสั่งตรวจน้ำไขข้อ เพื่อแยกโรค (rule out) เก้า,
และโรคข้ออักเสบจากการติดเชื้อออกไป

ในกรณีที่ท่านมีอาการตามที่กล่าวมา...
หากแพทย์ที่กำลังรักษาท่านไม่ส่งท่านไปพบผู้เชี่ยวชาญ (rheumatologis)
มันเป็นสิทธิ์ของท่านที่จะขอให้เขาส่งตัวไปพบแพทย์เฉพาะทางให่ได้
เพราะการวินิจฉัยได้ถูกต้อง พร้อมกับการได้รับการรักษาได้เหมาะสมตั้งแต่
แรกเริ่ม ย่อมทำให้ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็การหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้อของ
ท่านถูกทำลายจากโรคไขข้อจากสะเก็ดเงินในตอนหลัง

<< Prev

http://www.arthritistoday.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น