วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

: High Blood Pressure: ความดันโลหิตสูง ทำให้คนตายได้ไหม?

“ความดันโลหิตสูงเพียงอย่างเดียว ทำให้คนเราตายได้หรือไม่ ?”
เป็นประโยคที่ไม่น่าฟังสักนิด
แต่จากประสบการณ์ของแพทย์ที่ดูแลคนไข้สูงอายุ ปรากฏว่า มีคนสูงอายุจำนวนหนึ่งไม่คอย ใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

ไม่เห็นมีความกลัวปรากฏให้เห็น
ดูประหนึ่ง เด็กไร้เดียงสา เดินเตาะแตะไปยังปากเหว ไม่รู้ว่านั้นคือ ปากเหว ถ้าผู้ใหญ่ช่วย ไม่ทัน ...คงตกเหวตายอย่างแต่นอน
คนไข้ที่พบเห็น ก็มีลักษณะเป็นเช่นนั้น...

ต่อไปนี้ คือตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำ ทีคลินิกผู้สูงอายุ (เลย 70)
เป็นคนไข้ที่ได้รับการรักษา หลายโรค และความดันโลหิตสูงก็เป็นหนึ่งในโรคของเขา
จากการดูรายงานเก่า พบว่า ผลการรักษาความดันโลหิตของเขา อยู่ในขั้นที่ดี คือ ความดันต่ำ กว่า 140/90 mm Hg
แต่มาคราวนี้ วัดความดันได้ 200/100 mm Hg อยู่ในขั้นอันตราย
มีคำถามเกิดขึ้นว่า อะไรเกิดขึ้น กังชายคนนี้ ?

จากการซักประวัติ พบว่า คนไข้ไม่ได้กินยามาแค่ 2 อาทิตย์ เท่านั้นเอง
จากการพูดคุยกัน ดูประหนึ่งว่า แกไม่กลัวโรคความดันสูงแม้แต่น้อย เหมือนเด็กไร้เดียงสา ไม่ผิดเพี้ยนแม่แต่น้อย
“ยาหมด...ไม่มีเวลามารับยา”
นั่นคือคำตอบของชายคนนั้น...

จากหลักฐานที่ได้จาก Cleveland Clinic ได้ให้คำจำกัดความของ ความดันโลหิตสูง เอาไว้ว่า เมื่อความดันที่เราวัดได้นั้น มากกว่า 140/90 mm Hg…
ถือว่า เป็นความดันโลหิตสูง
หากปล่อยให้ความดันสูงถึง 180/110 mm Hg จัดเป็นความดันสูงขั้นวิกฤติ หรือเรียก hypertensive crisis
ทั้งความดันโลหิตสูงเรื้อรัง และความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤติ สามารถ “คร่า” ชีวิตของคนได้
(ตาย)

ชนิดต่าง ๆ ของความดันสูง (Types)
ใครที่ปล่อยให้มีความดันสูงอยู่เป็นเวลานาน เรียก chronic hypertension
จากความดันที่สูงอยู่แล้ว สามารถกระฉูดสูงขึ้นด้วยสาเหตุหลายย่าง เช่น ไม่กินยาลดความ ดันตามที่แพทย์แนะนำ หรือเลิกใช้ยาลดความดันในกลุ่ม Beta-Blocker ทันที
ในกรณีเช่นนี้ เรา เรียกว่า “ความดันสูงขั้นวิกฤติ” สามารถคร่าชีวิตได้ในชั่วเวลาเป็นชั่วโมง

คนที่ไม่ได้รับการรักษาความดันสูง และปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานเป็นปี
อะไรจะเกิดขึ้น ?
ความดันโลหิตสูง...ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานหลายปี สามารถทำให้เส้นเลือดแดงเกิดมีรอย แผล (damage) และทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ (weaken) ลง
หากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น คนไข้อาจตายได้ในชั่วเวลาเป็นชั่วโมง

อาการของคนเป็นความดันสูง
ในรายที่มีความดันโลหิตสูงเกิน 140/90 mm Hg นานเป็นปี เขาอาจมีอาการ “ปวด ศีรษะ”, “วิงเวียน” และมี “เลือดกำเดาออก”
ในกรณีที่เป็น hypertensive crisis คนไข้อาจมีอาการ ปวดศีรษะอย่างแรง มีความ กระวนกระวาย และหายใจลำบาก

เมื่อเวลาผ่านไป นานเข้า รอยแผลที่เกิดบนเส้นเลือดแดงที่ปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการรักษา จะ เปลี่ยนเป็นเส้นเลือดแข็ง เหมือนสายยาลดน้ำสนามหญ้า ที่ปล่อยทิ้งไว้กลางสนามเป็นเวลานานปี เรา จะเห็นมันแข็งตัว ไม่มีความยืดหยุ่นหลงเหลือ แถมยังมีรอยแตกเป็นแห่ง ๆ ปรากฏให้เห็น
เส้นเลือดแดงของคนเป็นความดันสูงดังกล่าว เมื่อนานเข้า มันจะแข็ง (stiff) พร้อมที่จะเกิด การอุดตัน จากคราบของไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการอุดตันเส้นเลือดแดงของหัวใจ(heart attack) ในเวลาต่อมา
นั่นเป็นพัฒนาการของความดันสูงชนิดเรื้อรัง
ในกรณีที่เป็น ความดันสูงวิกฤติ (hypertensive crisis) จะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ รุนแรงได้ เช่น เกิดอุดตันเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจ (heart attack) เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน หรือ แตก (stroke) เกิดน้ำท้วมปอด (pulmonary edema) และชัก (seizers)

เราจะป้องกัน และรักษาอย่างไร ?
โชคยังดี ที่คนไข้ที่มาหาเราส่วนใหญ่อยู่ในขั้น ความดันสูงขั้นวิกฤติ ชนิด urgency เท่านั้น ยังไม่มีรอยแผล (damage) เกิดที่อวัยวะสำคัญใด ๆทั้งสิ้น
การรักษาคนไข้มีความดันสูง โดยทั่วไป เขาให้ยาเม็ด “กิน” เช่น “ยาขับปัสสาวะ” (diuretics), ACE, Calcium channel antagonist และ Beta-blcoker …
ส่วนความดันชนิดวิกฤตินั้น ถ้าเป็นชนิด urgency ให้การรักษาด้วยยาเม็ดรับประทาน และรักษาแบบไปกลับได้ การลดความดันให้ลดลงภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยคนไข้ไม่ต้อรอในโรงพยาบาล
ส่วนความดันสูงแบบ hypertensive emergency การลดความดัน ให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องไม่ลืมว่า การลดความดันลงเร็วเช่นนั้นมักจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจาเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง กล้ามเนื้อหัวใจ และไตลดลง…
เป้าหมาย คือ ลดความดัน Diastolic blood pressureลง 10 – 15 % หรือ 110 mm Hg ในเวลา 30 - 60 นาที
ในคนไข้ที่เราสงสัย หรือมี aortic dissection เราจะต้องลดความดันลงอย่างรวดเร็วภายใน 5 – 10 นาที จนกว่าเราจะลด systolic blood pressure < 120 mm Hg.

กล่าวโดยสรุป โรคความดันสูง เป็นโรคเรื้อรัง จะต้องได้รับการรักษาตลอดชีวิต การรักษานั้นเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ที่มันยากส่วนใหญ่คนไข้ปล่อยให้เรื่อง “ง่าย” เป็น “เรื่องยาก”ขึ้นมา โดยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และเลิกล้มการกินยาโดยพละการ
ผลเสียจึงเกิดขึ้น และมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

Sourse:

Mayo clinic: Hypertension
Cleveland clinic: hypertensive crisis

1 ความคิดเห็น: