วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Smoking and Dementia

December 22, 2012
มีเหตุผลมากกว่าหนึ่ง...
ว่า  เราควรเลิกสูบบุหรี่กันเสียที

ผลจากการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รายงานว่า
การสูบบุหรี่ได้เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรค “อัลไซเมอร์” (Alzeimer’s disease )
และโรคสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ.....  แต่ตามเป็นจริงแล้ว  โรค “อัลไซเมอร์” และ
โรคสมองเสื่อมชนิดอื่นๆ ต่างพบเห็นในคนแก่ชรา 
โดยเป็นผลมาจากความเสื่อมของสมอง(degenerative  process) เอง
ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลานานนับเป็นปีกว่าจะเกิดโรคดังกล่าวได้

มีปัจจัยหลายอย่าง  ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ 
ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้คนเราเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ 
เช่น  อายุที่เพิ่ม (แก่) และปัจจัยทางพันธุกรรม

มีปัจจัยอย่างอื่นที่คนเราสามารถควบคุมได้ 
เช่น  การสูบบุหรี่   ซึ่งนักวิจัยได้พบว่าการเลิกสูบบุหรี่ 
สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคสมองเสื่อมได้

นักวิจัยเขาพบอะไร ?
มีการศึกษาในระยะยาวในกลุ่มคนที่มีอายุวัยกลางคนสองกลุ่ม...
พบว่า  การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อเกิดโรคอัลไซเมอร (Alzheimer’s…)
ซึ่งเป็นโรคมองเสื่อมที่พบได้บ่อยทีสุด

นักวิจัยได้ทำการศึกษาในรัฐ California  และใน Finland
ซึ่งทำการศึกษาทุกเชื้อชาติ 
โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากกลุ่มทดลองจำนวนหลายพันคน: 
9 % เป็น Asian Americans, 23 % เป็น AfricanAmericans, และอีก 63 %
เป็น white Americans (ซึ่งเป็นพวก Caucasians และพวก Hispanics)

ในการศึกษาได้ใช้เวลาตั้งแต่ปี 1978 ถึง 1985
ซึ่งกลุ่มที่เข้าร่วมทดลองมีอายุระหว่าง  50 – 60  และผู้เข้าร่วมทดลอง
ได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต,  ระดับไขมัน cholesterol , น้ำหนักตัว,
และปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

ผู้เข้าร่วมโครงการได้ตอบคำถามหลายข้อเกี่ยวกับอุปนิสัย 
เช่น สูบบุหรี่วันละกี่ซอง

มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 21,123  คน  ยังมีชีวิตถึงปี 1994 – 2008
เป็นเวลา 23  ปี  หลังจากได้รับการประเมินจากครั้งแรก
ซึ่งถูกพิจารณาว่า  มีใครบ้างที่เกิดเป็น  Alzeimer’s disease
หรือโรคสมองเสื่อม (dementia) ชนิดอื่น

ผลจากการศึกษาพบว่า  คนจำนวน 5,367 
ประมาณ 25% ของกลุ่มทดลอง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม 
โดยมีคนเป็นจำนวน 1,136 คนเป็นโรค”อัลไซเมอร์” ( Alzeimer’s disease)
ภายหลังการปรับเรื่องอายุ,  เพศ , เชื้อชาติ , การศึกษา และปัจจัยเสี่ยงต่อ
การเกิดโรคหัวใจแล้ว  พบว่า:

§  คนที่สูบบุหรี่มากว่าสองซองต่อวันในช่วงอายุวัยกลางคน  มีความเสี่ยง
ต่อการเกิดสมองเสื่อม (dementia) ในวัยชะรา (old age) ได้ถึงสอง
เท่าของคนที่ไม่สูบบุหรี่เลย

§  สำหรับคนเลิกสูบบุหรี่ในช่วงวัยกลางคน  และคนที่สูบบุหรี่น้อยกว่าครึ่ง
ซองต่อวัน  มีความเสี่ยงต่อการเกิดสมองเสื่อมได้เท่ากับคนที่ไม่เคย
สูบบุหรี่มาก่อนเลย

จำนวนคนที่ได้รับอันตรายจากบุหรี่
ผลวิเคราะห์จากการศึกษา...
ได้สนับสนุนให้เราได้ทราบว่า  การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ
สมองเสื่อมอย่างแน่นอน  แต่ไม่ได้บอกว่า 
บุหรี่มันทำอันตรายสมองไดอย่างไร ?

ทฤษฎีหนึ่งได้อธิบายว่า...
การสูบบุหรี่มีผลโดยตรงต่อการทำลายเส้นเลือด และหัวใจ  ซึ่งเป็นปัจจัย
เสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม (dementia)
ทั้งนี้เพราะ  การสูบบุหรี่สามารถทำให้เกิดมีการสร้างก้อนเลือด (blood clot)
ในเส้นเลือดได้  ซึ่งเป็นไปได้ว่า  คนวัยกลางคนทีสูบบุหรี่จัดได้เกิดภาวะ
สมองจนวนน้อยถูกทำลายหลายครั้ง (multi - infarct dementia)
ซึ่งเป็นผลมาจากสมองสมองขาดเลือด  และถูกทำลายหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าภายหลังการควบคุมภาวะสมองถูกทำลาย (stroke)
เขาพบว่า  การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมจากเส้น
เลือด (vascular dementia) ได้อย่างมีนัย...ซึ่งบ่งบอกให้เราได้ทราบว่า
มีอะไรบางอย่างในบุหรี่อาจเป็นอันตรายได้

จากการศึกษาไม่ได้ออกแบบให้เราได้เรียนรู้ว่า  คนเลิกสูบบุหรี่จะลด
ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม  ทั้งนี้เพราะนักวิจัยรวบรวมข้อมูลของ
คนวัยกลางคนที่สูบบุหรี่เท่านั้น

นอกจากนั้น ยังมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้คนเราหยุดการสูบบุหรี่ เช่น:
จากสถิติจากสหรัฐฯ  รายงานว่า  บุหรี่เป็นสาเหตุของการตายที่เราสามารถ
ป้องกันได้  โดยทุกหนึ่งรายในคนไข้ที่เสียชีวิตจำนวนห้าราย

บางคนสามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยพลังจิตเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นเพียงจำนวนน้อยมาก...
คนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่ต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบ “คำแนะนำ”,
ทดแทนNicotine (nicotine replacemet therapy)  และยารักษา

คนส่วนใหญ่ได้พยายามหลายครั้งจึงบรรลุเป้าหมาย
ซึ่งคนที่หยุดการสูบบุหรี่ได้  จะได้รับรางวัลที่คุ้มค่า....
เช่น  หายใจดีขึ้น,  โอกาสเป็นโรคหัวใจลดลง.
และสุดท้าย  สมองมีโอกาสรอดพ้นจากการเกิดโรคสมองเสื่อมได้

http://www.intelihealth.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น