เมื่อท่านกำลังจะเป็นเบาหวาน (pre-diabetes) หรือเป็นโรคเบาหวานแล้วก็ตาม
มีภาวะอย่างหนึ่งที่เขาชอบกล่าวกัน คือ ร่างกายไม่ตอบสนองต่อ (ต่อต้าน)
การทำงานของสาร “อินซูลิน”
เมื่อมีการต่อต้านอินซูลินเกิดขึ้น ร่างกายของเรา ย่อมไม่สามารถจัดการกับน้ำตาลในกระแสเลือด
โดยปกติ ภายหลังรับประทานอาหาร อาหารจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล...เข้าสู่กระแสเลือด
ในขณะเดียวกันตับอ่อน จะสร้างและปล่อย “อินซูลิน” ออกสู่กระแสเลือด ทำหน้าที่ช่วยให้น้ำตาลจาก
กระแสเลือด เข้าสู่เซลล์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานต่อไป
ง่าย ๆ อย่างนั้นเอง
ในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้ตามที่กล่าวมา เป็นเพราะ ตับอ่อน ไม่สามารถผลิตสาร “อินซูลิน”
ในปริมาณที่เพียงพอ หรือ ร่างกายไม่ตอบสนอง (resistance) ต่อ “อินซูลิน
กรณีที่เราจัดคนไข้อยู่ในประเภทต่อต้านสารอินซูลิน (หรือที่เรียกว่า impair glucose tolerance)
คือ เมื่อพบว่า ระดับน้ำหตาลรายที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดในตอนเช้า ช่วงที่ยังไม่รับประทานอาหาร
มีค่า 100- 126 mg/dl.
ภาวะต้านอินซูลิน สามารถพบได้ใน:
เป็นไปตามกระบวนการของธรรมชาติของคนที่อายุมากขึ้น.
เมื่อคนเราแก่ตัวขึ้น ย่อมเป็นธรรมดาของกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย จะช้าลง หรือลดน้อยลงตามลำดับ
ตับอ่อนก็อยู่ในกฎเกณท์ดังกล่าว บางครั้ง เมื่อคนเราแก่ตัวขึ้น มันผลิตอินซูลินได้น้อยลงไป
น้ำหนักเกิน หรืออ้วน
ความอ้วน หรือคนที่มีน้ำหนักเกินนั้น พบว่า เซลล์ของเขาไม่ค่อยจะตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลิน
ซึ่งสร้าง และปล่อยออกมาจากตับอ่อน
มีหลักฐานยืนยันว่า เซลล์ของไขมัน (fat cell)
จะต่อต้านการทำงานของอินซูลินได้มากกว่าเซลล์ของกล้ามเนื้อ
ดังนั้น หากท่านปล่อยให้ตัวท่านเองอ้วน ซึ่งหมายความว่า ตัวของท่านมีปริมาณของเซลล์ไขมันสูงขึ้น
เซลล์ไขมัน เป็นต้นเหตุ ไม่ให้อินซูลินทำงานได้ตามปกติ
เป็นเหตุให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น น้ำตาลไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ ให้ร่างกายใช้เป็นพลังงานได้
เมื่อเราพูดถึงเซลล์ไขมันขึ้นมา เราก็จะมองเห็นคนอ้วนทีลงพุง นอกจากไขมันที่อยู่รอบเอวแล้ว
ยังพบว่า มีไขมันเป็นจำนวนไม่น้อย อยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องของเขาด้วย
ไขมันที่อยู่รอบเอว จะมีส่วนสัมพันธ์ กับ ความต้านทาน ที่มีต่ออินซูลิน และระดับน้ำตาลที่สูงในกระแสเลือด
(Hyperglycemia)
ที่ควรรู้อีกอย่างหนึ่ง เซลล์ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายใน จะมีความต้านทานต่ออินซูลินได้สูงมาก
ยิ่งร่างกายของคนเรามีไขมันมากเท่าใด ร่างกายยิ่งต่อต้านอินซูลินมากเท่านั้น
การที่เราแบกร่างที่เต็มไปด้วยไขมัน ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดโรคเบาหวานเท่านั้น
มันยังเพิ่มความเสียงต่อการเป็นโรคความดันสูง
และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ด้วย
การออกกำลังกายนั้น มันช่วยได้...จริงหรือ ?
มองดูคนบางคน ที่นั่งโต๊ะทำงานอยู่ตลอดเวลา ออกแรงเป็นส่วนน้อย หรือไม่ออกเลย
ใช่หัวคิดเรื่องการงานแต่เพียงอย่างเดียว
คนประเภทนี้ บอกได้ทันทีว่า เขาไม่สามารถใช้ “อินซูลิน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนคนปกติเขาหรอก
ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาเกิดภาวะ “ต่อต้านอินซูลิน” ขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว
The American Heart Association... เขาแนะนำว่า
คนเราควรออกกำลังกาย ห้าวันต่อหนึ่งอาทิตย์ โดย ออกกำลังกายไม่ต้องแรงนัก (moderated)
วันละ 30 นาที จะทำให้สุขภาพของหัวใจดีขึ้น
หากเราสามารถบริหารร่างกายได้ตามที่กล่าว ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น
ยังเป็นการช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลินดีขึ้นอีกด้วย
และเป็นการป้องกันไม่ห้ร่างกายมีน้ำหนักเกิน...
การใช้ยาบางอย่าง ทำให้ร่างกายเกิดต่อตานอินซูลินได้
ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งจ่ายแก่คนไข้ สามารถทำให้คนไข้ต่อต้านอินซูลินได้
เช่น ยาบางตัวที่ใช้รักษาโรคอารมณ์แปรปรวน (bipolar disorder)
นอกเหนือไปจากนั้น สาร steroids ก็ทำให้คนไข้เกิดการต่อต้านอินซูลินได้เช่นกัน
ประวัติทางพันธุกรรม และครอบครัว
พบว่า เชื้อชาติต่าง ๆ เช่น African American, Native American, Hispanic American,
Asian American และ Pacific Islanders มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดภาวะต้านสารอินซูลิน
นอกจากนี้ คนที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นเบาหวานชนิดที่สอง มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดภาวะต่อต้านสารอินซูลินได้
คำถามสุดท้าย- เราสามารถหลีกเลี่ยงต่อการเกิดภาวะต้านอินซูลินได้หรือไม?
บางครั้ง เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะต่อต้านอินซูลินได้ หรือเปลี่ยนภาวะที่เคยต่อต้านให้หายไป
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถช่วยทำให้ตับอ่อน ที่เสื่อมสภาพผลิตอินซูลินให้เพิ่มขึ้นจากที่มันทำได้
การลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกิน และการออกกำลังกาย สามารถป้องกันไม่ให้
เกิดภาวะต่อต้านการทำงานของอินซูลินได้...
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว...ก็ไม่ใช้เรื่องยาก ที่เราจะทำในสิ่งที่เราต้องการมิใช่หรือ... ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น