วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Chronic Pain Treatment


เนื่องจากเราไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรคือสาเหตุของความเจ็บปวดเรื้อรัง
ดังนั้น มันจึงทำให้การรักษาภาวะดังกล่าว ไม่ประสบผลเท่าที่ควรจะเป็น

ตามที่เราได้ปฏิบัติกันเป็นประจำ คนไข้ที่มีความเจ็บปวดเรื้อรังจะได้รับการรักษาด้วยยา
แต่ การรักษาด้วยยาดังกล่าว ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกรายไป

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คนเราจึงต้องหาหาวิธีการอื่น เพื่อนำมารักษาตนเอง ซึ่งเป็นการรักษาทางเลือก (alternative RX)
วิธีการรักษาเสริม (complementary RX) ซึ่งบางรายไม่จำเป็นอาศัยยาเหมือนก่อน
ก็สามารถควบคุมอาการเจ็บปวดให้ทุเลาลงได้
ซึ่งปรากฎว่า มีปริมาณของคนที่หันมาใช้วิธีการดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

แนวทางการรักษา ที่ถูกนำมาใช้รักษาความเจ็บปวดเรื้อรัง:

Medications for chronic pain treatment:

• NSAIDs. Nonsteroidal anti-inflammatory drugs
เป็นยาที่มีฤทธิ์ลดอาการปวด และการอักเสบ ซึ่งได้แก่
Aspirins Ibuprofen เป็นยาที่เราสามารถซื้อ หรือหาได้จากร้านขายยาทั่วไป
เป็นยาที่ถูกนำมาใช้ลดอาการบวม และลดความเจ็บปวด

• Opioids. เป็นยาแก้ปวด (analgesics) ซึ่งประกอบด้วย codeine และ morphine
เป็นยาที่ต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์ เพราะมันก่อให้เกิดอาการง่วงนอน
และหากใช้ไม่เหมาะสม จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของคนได้

• Corticosteroids. ยาในกลุ่ม steroids เช่น cortisols และ prednisolone
ซึ่งมีทั้งยาเม็ดสามารถรับประทาน หรือสำหรับฉีด
มันมีฤทธิ์ลดอาการบวมลง และสามารถลดความเจ็บปวดได้ในบางราย
แต่มันไม่มีสารที่จะไหควบคุมความเจ็บปวดเลย

• Antidepressants. Tricyclic antidepressants เช่น amitriptyline
และ amipramine
เป็นยาที่ทำให้ร่างกายผลิตสารเคมีตัวหึ่ง ชื่อ serotonin
ซึ่งสารตัวนี้ จะทำหน้าที่ลดคลื่นสัญญาณความเจ็บปวดไม่ให้เข้าสู่สมองลง จึงทำให้คนไข้ไม่เจ็บปวด

• Tropical Analgesics. สามารถหาซื้อจากร้านขายยาได้ ซึ่งมีในรูปของครีม (cream)
หรือเป็นแผ่น (patch)
วางแปะตรงบริเวณเจ็บปวด ยาพวกนี้สามารถยับยั้งความรู้สึกเจ็บปวดลงได้
โดยการตัดวงจรของความเจ็บปวดลง

• Anticonvulsants. เป็นยาที่ต้องให้แพทย์เป็นคนสั่งใช้ในการรักษาความเจ็บปวด
ซึ่งมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางระบบประสาท
ยาในกลุ่มนี้ สามารถยับยั้งการถ่ายทอดคลื่นประสาทบางอย่าง และถูกนำมาใช้ในการรักษา
โรค migraine และอาการปวดประสาท (neuropathy)
สาร gabapentin เป็นยาที่นำไปใช้รักษาโรคชัก (anti-convulsant) นั้น
ได้ถูกนำมาใช้รักษาคนไข้ที่ทรมานจากอาการปวดประสาท (neuropathic pain)

Non-pharmacological chronic pain management.
เป็นการรักษา โดยไม่ต้องอาศัยตัวยา ซึ่งประกอบด้วย

• Ice. ถึงแม้ว่าเราจะใช้น้ำแข็งประคบความเจ็บปวดเฉียบพลัน เพื่อลดอาการบวมนั้น
สามารถลดความเจ็บปวดเรื้อรังลงได้เช่นกัน นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดอาการชาตรงบริเวณที่ประคบน้ำแข็งนั้นด้วย

• Heat. การใช้ความร้อนประคบ สามารถทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ทำให้ข้อไม่ติดยึด ซึ่งถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคไขข้ออักเสบ

• Massage. ในการนวดก็มีระดับเช่นกัน เช่นนวดบริเวณผิว หรือนวดลึกลงไป
สามารถก่อให้เกิดการผ่านคลายของกล้ามเนื้อ และข้อได้
แต่การนวดแรงเกินไป สามารถก่อให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นได้เช่นเดียวกัน

• TENs. Transcutaneous Electrical Stimulations
เป็นการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า ด้วยกระแสคลื่นอ่อนๆ โดยวางแผ่น electrode ไว้ตรงตำแหน่งที่มีความเจ็บปวด
การรักษาด้วยวิธีดังกล่าว จะรู้สึกเหมือนมีเข้มแทง

• Relaxation. กรรมวิธีการผ่อนคลาย จะด้วยวีธีใดก็ตาม สามารถผ่อนคลายกล้ามหดเกร็ง
ช่วยทำให้ดึงความสนใจออกจากความเจ็บปวดลงได้ เป็นการผ่อนคลายความเจ็บปวดได้

• Physical Therapy. นอกเหนือจากวิธีการรักษาด้วยวิธีการต่าง เพื่อลดความเจ็บปวด เช่น
การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (TENs) และ Ultrasound แล้ว นักกายภาพบำบัด
ยังจะช่วยสอนให้ท่านทำการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ เขาจะให้โปรกแกรมการบริหารกล้ามเนื้อ
ของท่านให้แข็งแรงขึ้น และจะทำให้ความเจ็บปวดลดลงได้

Alternative and Complementary chronic pain management.

มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ทรมานจากความเจ็บปวดเรื้อรัง นอกจากจะได้รับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว
เขายังได้รับการรักษาทางเลือก และการรักษาเสริมให้คบสมบูรณ์ด้วย
เช่น นอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ท่านยังได้รับการฝังเข็ม และกดจุด รวมไปถึงการใช้ยาสมุนไพร

การรักษาด้วยกรรมวิธีดงกล่าว ได้รับการยอมรับจาก FDA ของสหรัฐ ฯ
ให้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของการรักษาคนไข้เจ็บปวดเรื้อรังแล้ว...

นอกเหนือไปจากนั้น ยังปรากฏว่า มีการเสริมด้วยวิธีการอย่างอื่น ๆ อีก เช่น อาหารพิเศษบางอย่าง การเล่นโยคะ

ไคโรแพรกติ และ การสะกดจิต เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป ในการรักษาความเจ็บปวดเรื้อรังนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเอาวิธีการหลายอย่าง
เพื่อทำให้คนไข้หายจากความเจ็บปวด และ สามารถคืนสู่สังคมได้เหมือนปกติ
ที่สำคัญ เป็นหน้าที่ของท่าน พร้อมกับแพทย์ผู้รับผิดชอบ จะช่วยให้ท่านสามารถตัดสินใจว่า
จะใช้วิธีการอะไรบ้าง จึงจะเหมาะสมกับสภาพของคน

www.about.com health disease and conditions

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น