เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า aspirin เป็นยาสามัญที่ถูกนำมาใช้แก้อาการปวดนั้น
ปรากฏว่า มันสามารถป้องกันไมให้เกิดภาวะ heart attack (กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด)
และป้องกันไม่ให้เกิด stroke (สมองตายจากการขาดเลือด)
โดยการทำหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวเป็นก้อนเลือดภายในเส้นเลือดแดง
โดยารไปทำหน้าที่ยับยั้ง cyclo-oxygenase ซึ่งมีหน้าที่ให้การทำให้เกล็ดเลือดจับตัว สร้างเป็นก้อนเลือดขึ้น
นอกจากนั้น ยังถูกนำไปใช้ในรายซึ่งยังไม่เป็นโรคทั้งสองได้ด้วย
ก่อนใช้ยา aspirin ควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:
o ก่อนใช้แอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะแอสไพริน สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในคนบางคน
เช่น เกิดการตกเลือดในกระเพาะอาหาร และตกเลือดในสมอง
ซึ่งแพทย์จะช่วยท่านในการพิจารณาว่า ท่านควรกินยาแอสไพรินหรือมา
o ยาแอสไพริน จะถูกแนะนำให้ใช้กับคน
ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค heart attack และ stroke ได้มากกว่าคนปกติ
ก็เป็นหมออีกนั่นแหละ จะช่วยให้ท่านได้ทราบว่า ท่านเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวหรือไม่
ท่านจะมีโอกาสต่อการเกิดโรค (high risk) การขาดเลือดในสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจเมื่อท่าน สบบุหรี่,
มีไขมันในกระแสเลือดสูง, มีโรคความดันโลหิตสูง, เป็นโรคเบาหวาน,
และ มีประวัติของคนในครอบครัว ว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคสมองขาดเลือด
o เมื่อตัดสินใจได้ว่า ประโยชน์ที่พึงได้รับ มีมากกว่าโทษ
แพทย์จะสั่งให้ท่านกินยาแอสไพรินขนาดระหว่าง 75 mg - 325 mg ต่อวัน
o ประโยชน์ที่พึงได้รับจากแอสไพริน จะมีความแตกต่างระหว่างผู้ชาย และผู้หญิง
o แม้ว่า ท่านจะกินยาแอสไพรินทุกวันแล้วก็ตาม ท่านยังจำเป็นต้องยึดหลักการดำเนินชีวิต
เพื่อลดอันตรายจากการเกิดโรค (heart attack & stroke) ด้วย
นั้นคือ ท่านต้องรับประทานอาหารที่ให้สุขภาพ, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ ไม่สูบบุหรี่
Medical information:
How can a daily aspirin prevent a heart attack or a stroke?
แอสไพริน จะทำหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวสร้างก้อนเลือดในเส้นเลือด
เมื่อมีก้อนเลือดที่เกิดในแสเลือด จะทำให้มีการอุดตันของเส้นเลือดที่สำคัญ ๆ เกิดขึ้น
เช่น เส้นเลือดของหัวใจ (coronary) จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (heart attack)
ถ้าอุดตันเส้นเลือดไปเลี้ยงสมอง (carotid artery) ก็จะทำให้สมองขาดเลือด (stoke) ขึ้น
คนที่เป็นโรคหัวใจ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิด heart attack และ stroke ได้
คราบไขมันซึ่งเกาะตามผนังของเส้นเลือด สามารถทำให้เส้นเลือดตีบแคบได้
บางครั้ง คาบเลือดถูกกระแทกโดยกระแสเลือดที่วิ่งผ่าน อาจแตกเป็นรอยแผลเปิด
เป็นตำแหน่งให้เกล็ดเลือดรวมตัว สร้างเป็นก้อนเลือดขึ้นเพื่อซ่อมแซมรอยแตกที่เกิด
ทำให้เส้นเลือดถูกอัดตัน ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดสู่หัวใจ และสมองได้
เป็นเหตุให้เกิด heart attack & stroke ได้เช่นกัน
แอสไพริน สามารถป้องกันไม่ใหเกล็ดเลือดรวมตัวเป็นก้อนเลือดได้
Who can take daily aspirin?
แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า ใครคนใด ควรกินยาแอสไพริน
แพทย์มักจะสั่งให้คนที่เป็นโรค heart attack และ stroke ให้กินยาแอสไพริน
นอกจากนั้น แพทย์ยังแนะนำให้คนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะทั้งสอง กินยาแอสไพรินด้วยเช่นกัน
เช่น อายุที่แก่ขึ้น ความดันโลหิตสูง, ไขมันในกระแสเลือดสูง, เป็นโรคเบาหวาน
และ พ่อแม่ของท่านมีประวัติว่าเป็น heart attack หรือ stroke มาก่อนหรือไม่
ต่างมีส่วนไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจ และสมองตายจากการขาดเลือดได้ทั้งนั้น
มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแนะนำให้คนไข้ต่อไปนี้...ทานแอสไพริน:
o ผู้ชายที่มีสุขภาพสมบูรณ์ อายุมากว่า 40 ผู้ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าหนึ่งอย่าง
ที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจ และความดันโลหิตถูกควบคุมได้เป็นปกติเท่านั้น
ไม่มีเหตุผลใด ที่จะไม่ทานยาแอสไพริน
o สตรี ที่มีสุขภาพดี อายุมากกว่า 65 ความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ ควร...ทาน
แอสไพริน เธอไม่มีเหตุใดที่จะปฏิเสธการทานแอสไพริน
o ทั้งชาย และหญิง ที่มีอายุมากกว่า 40 เป็นโรคเบาหวาน
What are the benefits of taking daily aspirin?
ปัญหาที่ชอบถามเสมอ คือ ประโยชน์ที่พึงได้จากการทานยาแอสไพริน
ยาแอสไพริน จะลดโอกาสไม่ให้เกิดหัวใจขาดเลือด (heart attack)
และสมองขาดเลือด (stroke) หรือ mini-stroke (TIA)
แอสไพริน จะป้องกันไม่ให้เกิด heart attack ในผู้ชายได้ดีกว่าหญิง
แต่มันจะป้องกันไม่ให้สตรีเกิดสมองขาดเลือด (stroke) ได้ดีกว่าชาย
ผลจากการศึกษาพบว่า:
o แอสไพริน จะไม่ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือด(heart attack) ในสตรี
o จากการรับประทานแอสไพริน พบว่า ทุก 1,000 คนของเพศชาย
สามารถลดการเกิด heart attack เป็นครั้งแรกได้ถึง 8 ราย
o แอสไพริน ไม่ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดสมองขาดเลือด (stroke) ในผู้ชายเลย
พบว่า ในผู้หญิงจำนวน 1,000 ราย ยาอสไพริน สามารถลดการกเกิด stroke ได้ 2 ราย
แม้ว่า คุณจะรับประทานแอสไพรินทุกวัน คุณจำเป็นต้องดำเนินชีวิตให้มีสุขภาพ
ด้วยการรับประทานอาหารที่ให้สุขภาพ (healthy diet) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และ ไม่สูบบุหรี่
What are the risks of taking aspirin every day?
การกินยาแอสไพรินทุกวัน อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน
เช่น คนที่มีความเสี่ยงต่อการตกเลือด รวมถึงคนที่เป็นโรคกระเพาะเป็นแผล
หรือในรายที่เป็นโรคสมองตายจากการตกเลือด
สมองตาย (stroke) จากการตกเลือดในสมอง เป็นผลข้างเคียงที่น่ากลัวที่เกิดจาก
ยาแอสไพริน ซึ่งจะเกิดได้ 1 – 2 รายในคนจำนวน 1,000 ของคนที่รับประทานแอสไพริน
ซึ่งหมายความด้วยว่า มีคนจำนวน 998 ถึง 999 คน ไม่ได้เกิดสมองตายเพราะมีเลือดตกในสมอง
นอกจากนั้น แอสไพริน สามารถทำให้เลือดตกในส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ได้
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถใช้ (กิน)แอสไพรินได้ เช่น:
o แพ้ยาแอสไพริน
o ความดันสูง ซึ่งไม่สมารถควบคุมได้ (uncontrolled hypertension)
o เป็นโรคหืด (asthma)
o เมื่อรับประทานยา warfarin (coumadin) หรือ clopidogrel (Plavix)
เพราะมันสามารถทำให้เพิ่มโอกาสตกเลือดได้สูงขึ้น
แต่อยางไรก็ตาม ในบางโอกาส แพทย์อาจจำเป็นต้องใช้เหล่านี้ร่วมกับแอสไพริน
แพทย์จะบอกท่านว่า ควรรับประทานยาอย่างไร จึงไม่ทำให้มีการตกเลือดเพิ่มขึ้น
การรับประทานแอสไพรินด้วยขนาดต่ำ ๆ (เช่น 75 – 325 mg)
สามารถทำให้คนเป็นโรค gout อาจอาการเลวลง และยากแก่การรักษา
ถ้าท่านไม่สามารถรับประทานแอสไพริน
แพทย์อาจให้ท่านใชยา clopidogrel (Plavix) แทน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสมองขาดเลือดจนสมองเกิดตาย (stroke)
หรือไม่ให้หัวใจตาย จากการขาดเลือด (heart attack)
How do you take aspirin?
แอสไพรินถูกผลิตมาในหลายขนาด มีตั้งแต่ 75 mg ถึง 325 mg สำหรับรับประทานวันละครั้ง
ที่นิยมใช้บ่อยสุด คือ ขนาด 81 mg
แม้ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยรับประทานยาแอสไพรินทุกวัน บางรายถูกแนะนำให้รับประทานยาแอสไพริน วันเว้นวัน
ซึ่งแพทย์อาจเป็นแนะนำเองว่า แบบใดจึงจะเหมาะสำหรับท่าน
ท่านสามารถรับประทานแอสไพรินต่อไป แม้ว่า ท่านจะใช้ยา NSAIDs เช่น ibuprofen
เพื่อรักษาโรคไขข้อได้ทุกวัน หรือโรคอย่างอื่น โดยไม่ต้องหยุดยา
แต่ท่านจะต้องไม่รับประทานยาพร้อมกัน !
เหตุผลเพราะ ibuprofen จะจับเอ็นไซม์ COX 1 ก่อน แอสไพริน
จะทำให้ aspirin อยู่ในกระแสเลือดได้ไม่นาน จะถูกขับออกจากร่างกายไป
ดังนั้น มันจึงไม่สามารถปกป้องหัวใจได้
วิธีปฏิบัติ คือ ให้ทานยา ibuprofen อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อน
หรือ 30 นาที หลังจากที่ท่านกินยาแอสไพริน
การรับประทานยา ibuprofen นานๆ ครั้ง จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของแอสไพริน
ที่ทำหน้าที่ต่อต้านไม่ให้เกิด heart attack
มีผูคนจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ว่า NSAIDs ชนิดอื่น ๆ ทำให้ uncoated aspirin ไม่ทำงาน
และเขายังไม่ทราบด้วยว่า คนที่รับประทานแอสไพรินทุกวัน
ควรระมัดระวังเมื่อต้องรับประทาน Ibuprofen
หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ NSAID ตัวอื่นที่ไม่ใช้ตัวที่ไปจัด COX1
ให้ใช้ตัวอื่น ซึ่งจะจับกับ COX 2 แทน เช่น Diclofenac หรือ Mobic
ทางเลือกของท่านอาจ:
o รับประทานแอสไพรินทุกวัน พร้อมกับดำเนินชีวิตของท่านอย่างมีสุขภาพที่ดี
o ไม่รับประทานแอสไพรินทุกวัน ท่านอาจเลือกดำเนินชีวิตของท่านอย่างมีสุขภาพที่ดี
หรืออาจรับประทานยาชนิดอื่น ซึ่งสามารถลดโอกาสไม่ให้เกิด heart attack &stroke
การเลือกแบบใด จะรับประทานหรือไม่ ขึ้นกับความรู้สึกส่วนตัว และข้อเท็จจริง
ทางด้านการแพทย์ด้วยดังนี้
Deciding about taking daily aspirin
ท่านควรรับประทานแอสไพริน เมื่อพบว่า ท่านมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด heart attack และ
Stroke เช่น ท่านมีโรคหัวใจ เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสง
และมีประวัติครอบครัวว่าเป็นโรค heart attack และ stroke
และ คุณไม่มีปัญหาด้านสุขภาพใด ที่สามารถทำให้อาการเลวลงเมื่อรับแอสไพริน
การรับประทานแอสไพริน สามารถป้องกันไม่ให้มีการสร้างก้อนเลือดในเส้นเลือดแดงของท่าน
และลดโอกาสไม่เกิดโรคหัวใจ และสมองขาดเลือดได้
เหตุผลที่ไม่สนับสนุนให้ใช้แอสไพริน:
ท่านไม่จำเป็นต้องรับประทาน แอสไพริน ถ้าท่านไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการทำให้เกิด
heart attack & stroke เช่น ไม่มีโรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, โรคไต,
โรคความดันโลหิตสูง,ระดับไขมันในเลือดสง และ
ไม่มีประวัติว่า มีใครในครอบครัวเป็นโรค heart attack & stroke
ท่านอาจมีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านไม่สามารถรับประทานแอสไพรินได้
เช่น กระเพาะอาหารเป็นแผล แพ้ยาแอสไพริน หรือเป็นโรคหืด asthama
ซึ่ง ถ้าท่านรับประทานยาเหล่านี้ จะทำให้อาการเลวลง
นอกเหนือจากนั้น ท่านอาจกำลังรับประทานยาชนิดอื่น เช่น coumadin หรือ clopidogrel
(Plavix)} ท่านไม่สามารถควบคุมความดันโลหิต (uncontrolled hypertension)
เพราะการใช้ยา aspirin ร่วมกับยาดังกล่าว อาจทำให้มีโอกาสตกเลือดเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ก่อนใช้ร่วม ควรพิจารณาผลดีผลเสียให้ดี...
หรือมีสาเหตุอย่างอื่น ๆ ที่ท่านไม่ต้องการจะใช้ยาแอสไพริน ?
http://www.webmd.com/a-to-z-guides/should-i-take-daily-aspirin-to-prevent-a-heart-attack-or-a-stroke
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เหล่านี้
ตอบลบขอบคุณคุณหมอมากครับ ที่ให้ความรู้มาครับ
ตอบลบ