วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

Frequently Asked Questions: Treatment of Epilepsy (continued)

Which Drug to Use
เราจะใช้ยารักษาโรคลมชักตัวใหนดี ?
ในการใช้ยารักษา จำเป็นต้องขึ้นกับชนิดของโรคลมชักว่า เป็นชนิดใด ?

ยาบางตัว เช่น Epilim ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์กว้าง (Broad spectrum)
ถุกนำไปใช้นโรคลมชักหลายชนิด เช่น พวก tonic-clonic, absence attack และ อื่น ๆ
ส่วน Zarontin จะมีฤทธิ์แคบ (Narrow spectrum)
ถูกนำไปใช้แก้โรคลมชักชนิดเดียวเท่านั้น นั่นคือ absence seizure(Silent seizures)

เมื่อกล่าวถึงผลข้างเคียงของยา ยกตัวอย่าง Dilantin
เมื่อนำมาใช้รักษาโรค จะทำให้เกิดมีขน (Hair) เกิดขึ้นทีใบหน้า
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้ในสุภาพสตรี โดยเฉพาะสตรีผิวดำ
เมื่อมีขนขึ้นเต็มหน้า...
คงไม่ต้องพูดหรอกว่า เธอจะมีใบหน้าเหมือนอะไร ?

นอกจากนั้น dilantin ยังมีแนวโน้มทำให้กระบวนทางความรู้สึกนึกคิด
รวมทั้งความจำช้าลงได้มากกว่า
ยาต้านอาการชักตัวใหม่ ๆ เช่น Tegretol หรือ Epilim
จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงดังกล่าว

สำหรับสตรีที่ต้องการตั้งครรภ์ บังเอิญเธอมีโรคลมชักด้วย
พบว่า ยาต้านอาการชักทุกตัว....ย้ำทุกตัว!
จะมีอันตรายต่อเด็กที่ยังไม่คลอด

เมื่อมีการใช้ยาต้านลมชัก (antiepileptic drugs) ร่วมกับยาชนิดอื่น...?

ในขณะที่ท่านกำลังรับประทานยาต้านชักอยู่นั้น หากท่านรับยาตัวอื่นเข้าไปด้วย
โอกาสที่จะเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ย่อมเกิดได้สูงมาก
ยกตัวอย่าง เช่น ยาควบกำเนิด

ซึ่งมียาเพียงตัวเดียวเท่านั้น คือ Epilim ทีพบว่าปลอดจากการทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่น ๆ
ส่วนยาต้านอาการชักตัวอื่น ๆ จะทำให้ยาคุมเนิดถูกเผาผลาญที่ตับได้เร็วขึ้น
หรือทำให้มันถูกขจัดออกจากระแสเลือดได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะกล่าวว่ายา Epilim เป็นยาเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่สตรีเป็นโรคลมชัก
สามารถรับปทานร่วมกับยาคุมกำเนิดได้ โดยไม่มีผลกระทบ
แต่ก็ควรระวังไว้เสมอว่า ยาตัวดังกล่าว อาจทำปฏิกิริยาคุมกำเนิดขึ้นก็ได้
อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด !

คำถามต่อไปที่มักจะถามกันเสมอ
เราสามารถรับประทานยากันชักได้มากกว่าหนึ่งชนิดหรือไม่ ?

โดยทั่วไป การรักษาโรคลมชัก จะใช้ยาเพียงชนิดเดียวเท่านั้น
เพราะการใช้ยาต้านอาการชักหลายตัว มีโอกาสเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาขึ้นได้
แม้กระทั้งยาที่ว่า เป็นยาต้านลมชักด้วยกัน

มีแพทย์ทางระบบประสาทกล่าวว่า
คนไข้รายใดที่รับประทานยาต้านชักมากกว่าหนึ่งตัว...
ถือว่า เป็นการรักษาที่ผิด (Mismananged)

ส่วนแพทย์ท่านอื่น ๆ เขาแย้งว่า..... ไม่จริง !
เพราะมีคนไข้จำนวนหนึ่ง ทั่ง ๆ ที่ระดับยาในกระแสเลือดมีเพียงพอต่อการ
ควบคุมอาการชักได้ แต่คนไข้ก็ยังมีอาการชักอยู่ดี...แล้วจะให้ทำอย่างไร ?

การเพิ่มยาตัวที่สอง อาจควบคุมอาการที่ล้มเหลวจากการใช้ยาตัวเดียวได้
แต่ ไม่แนะนำให้มีการใช้ยาตัวที่สาม หรือตัวที่สี่แก่คนไข้.

How Safe are Anti-epileptic Drugs in Pregnancy
หากเธอต้องการตั้งครรภ์ เธอควรทำอย่างไร ?

คนเรา...เมื่อแต่งงานเป็นฝั่งป็นฝาแล้ว ก็ต้องการมีบุตรไวสืบสกุล...
นั่นเป็นเรื่องปกติของชาวโลก
แต่ถ้าเธอโชคร้าย มีโรคลมชักด้วย...จะทำอย่างไรดี?

เป็นที่ทราบกันว่า ในระหว่างตั้งครรภ์ และมีการใช้ยาต้านชัก
โอกาสที่จะทำให้เกิดความพิการในเด็กได้ แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์น้อยก็ตามที
นอกเหนือไปจากนั้น ในรายที่เป็นโรคลมชักชนิด tonic-clonic Seizures
ที่ไม่สมารถควบคุมอาการชักได้ สตรีตั้งครรภ์มีโอกาสแท้งลูกได้
หรืออาจคลอดก่อนกำหนด หรืออาจได้รับบาดเจ็บจากการ

ความพิการของเด็กที่เกิดจากสตรีตั้งครรภ์ ที่ได้รับยาต้านอาการชัก
จะเกิดขึ้นที่ไขประสาทสันหลัง เช่น spina bifida ไขประสาทสันหลังเจริญไม่เต็มที่
ยังผลให้เกิดที่เกิดมีอาการขาอ่อนแรง ไม่สามารถปัสสาวะได้ตาม ปกติ

ยาทั้งสามตัว ที่ใชกันบ่อย คือ Dilantin, epilim และ tegretol
ต่างมีส่วนร่วมในการทำให้เกิดความพิการดังกล่าวได้
และเราไม่ทราบเสียด้วยว่า ตัวไหนจะทำให้เกิดความพิการได้มากกว่ากัน

มีหลักฐานยืนยันว่า การให้ Folic acid แก่มารดา สามารถลดความ
เสี่ยงต่อการเกิดความพิการของไขประสาทสันหลัง (spina bifuda ลงได้

สุดท้าย อย่าได้ลืมเป็นอันขาด...
การรับประทานยาต้านชัก ร่วมกับยาคุมกำเนิด สามารถทำให้ท่านท้องได้
เพราะยาต้านชัก ทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง

ยาต้านโรคลมชัก (Anti-epileptic drugs ที่มีใช้ในปัจจุบัน ได้แก่:

• Tegretol (Carbamazepine)
• Epilum (Sodium valproate)
• Dilantin (Phenytoin sodium)
• Zarontin (Ethosuximide)
• Rivertril (Clonazepam)
• Frisium (Clobazepam)
• Valium (Diazepam)
• Mogadon (Nitrazepam)
• Prominal (Methylphenobarbitone)
• Mysoline (Primidone)
• Phenobarbitone
• Ospolot (Suthiame)
• Gabapentin
• Progabide
• Vigabatrin
• Lamotrigine
• Topiramate
• Gabitril

ยาต้านโรคลมชัก (anti-epileptic drugs)

บางครั้งเราเรียก ยาต้านอาการชัก (anticonvulsant) ด้วยเหตุผลที่ว่า
มันทำหน้าที่ต้านไม่ให้เกิดอาการชักเกิดขึ้น
บางท่านเรียกยาต้านโรคลมชัก (anti-epileptic)
แต่เนื่องจากโรคลมชักบางชนิด ไม่มีอาการชักเลย แต่ก็เรียกว่าเป็นโรคลมชัก
เช่น Abence seizure บางทีเราเรียก silent seizures
เพราะโรคดังกล่าว การเรียกยาพวกนี้ว่า เป็น anti-epileptic drugs
น่าจะเหมาะสมกว่า ?

TEGRETOL (Carbamazepine, Ciba-Geigy Ltd)
เป็นยารักษาโรคลมชักที่มีฤทธิ์กว้าง และ แรง (powerful broad spectrum)
ออกมาในรูปของยาเม็ดสีขาวสองขนาด (100 mg & 200 mg)
ให้วันละสองครั้งเช้า-เย็น (หลังอาหาร)
สำหรับขนาดของยาในผู้ใหญ่ มักจะให้ประมาณ 1 – 2 เม็ด รับประทาน เช้าเย็น

ถ้ายาทีให้มีขนาดสูงเกินไป คนไข้จะรู้สึกเมา เหมือนเมาเหล้า รู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น เดินเสียศูนย์
ซึ่งเราสามารถลดขนาดของยาลง โดยยึดความเข็มข้นของยาที่วัดได้จากเลือด
ฤทธิ์อันไม่พึงปรารถนาจากการใช้ยาต้านชัก มักจะปรากฏในสองสามวันแรก
หรือ 1 – 2 อาทิตย์ ด้วยอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ปากแห้ง
อาการเหล่านี้จะหายไปในไม่กี่วัน

ถ้าเราให้ Tegretol จากน้อยไปหามาก อย่างช้า ๆ อาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น
บางครั้ง การเกิดเป็นผื่นบนผิวหนังเหมือนหัดเยอรมันได้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่านี้ได้แก่ เกิดตัวเหลืองตาเหลือง เม็ดเลือดขาวลดลง
และมีแผลที่ปาก และ คอ...
โชคยังดีที่อาการเหล่านี้พบได้มาก

ก่อนใช้ยาตัวนี้ (tegretol) เพื่อป้องกันในเรื่องของตับ
ควรทำการตรวจเลือดก่อนให้ยา และตรวจซ้ำทุกอาทิตย์ในเดือนแรกหลังการรักษา
จากนั้นให้ตรวจทุกเดือน ภายในปีแรกของการรักษาด้วยยาดังกล่าว

ในด้านปฏิบัติ ฤทธิ์ข้างเคียงส่วนมากมักจะมีอาการเพียงเล็กน้อย
อาการจะหายไปภายในอาทิตย์แรก...สองอาทิตย์
Tegretol เป็นยาที่มีฤทธิ์แรงมากที่สุด และมีประโยชน์ในการใช้รักษาโรคลมชัก
ที่มีใช้ในปัจจบัน

EPILIM (Sodium valproate, Reckitt & Colman)

Epilim เป็นยาอีกตัว ที่มีฤทธิ์กว้าง (Broad spectrum) สำหรับรักษาโรคต้านลมชัก
โดยเขาเชื่อว่า มันไปเพิ่มระดับสารสื่อประสาท GABA
ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ยับยั้งสัญญาณประสาทระหว่างเซลล์ประสาท
GABA เป็นสารสื่อประสาท ที่ทำหน้าที่ยับยั้งสัญญาณประสาทรหว่างเซลล์ประสาท
ทำให้คลื่นประสาท ที่จะทำให้เกิดอาการชักลดลง

Epilim (sodium valproate) มีหลายชนิด ชนิดเม้ด
มีสองขนาด 200 mg และ 500 mg ชนิด syrup 200mg/5ml

ส่วนใหญ่จะให้ Epilim เช้า-เย็น พร้อมอาหาร ให้ห่างกัน 12 ชั่วโมง
เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพาความเข็มข้นของยาในกระแสเลือด
ดังนั้น การปรับขนาดของยา กระทำได้ด้วยการอาศัยน้ำไหนักของ
คนไข้เป็นเกณฑ์ ซึ่งมีขนาดของยา 20-30 mg/kg body weigth/24
hours

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา ได้แก่อากาคลื่นไส้ และท้องล่วง โดยมันจะเกิดใน 2-3 วันแรก
เมื่อรับประทานยา epilim เป็นระยะเวลานาน ๆ จะมีอาการมือสั่นได้
นอกจากนั้น ยังทำให้เพิ่มน้ำหนักตัว แล ะผมล่วง

เนื่องจาก Epilim อาจทำให้เกิดตับวายได้ (พบได้น้อยมาก ๆ)
เคยมีตัวอย่างของคนเกิดตับวายแบบฉับพลัน บางรายถึงกับตายได้
ดังนั้น เขาจึงแนะนำว่า รายที่มีโรคตับ ไม่ควรให้ยา epilim
เมื่อมีการใช้ยา epilim ควรดูเลือดดูการทำงานของตับก่อนเริ่มให้ยา
หลังจากได้รับยาแล้ว ให้ตรวจดูการทำงานของตับทุกเดือน

DILANTIN Phenytoin sodium,

Dilantin แม้ว่าจะเป็นยาเก่าแก่มาก เป็นยาที่นำมาในรักษาคนไข้เป็นโรคลมชัก
ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้ยังใช้รักษาคนไข้ โรคลมชักชนิด grand mal seizures
และโรคลมชักชนิดอื่น ๆ แต่เนื่องจาก การใช้ยาตัวนี้ มักจะถูกรบกวนด้วยผลข้างเคียง
ดังนั้น เขาอาจเปลี่ยนยาใหม่แทน เช่น tegretol และ Epilim (sodium valproate)

ยา Dilantin เป็นยาที่ดีสำหรับควบคุมอาการชักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังเป็นยาที่มีประโยชน์ในด้าน เป็นยาเสริมยาตัวอื่น
ที่ใช้เพียงตัวเดียวมาก่อน (monotherapy) แต่ไม่ได้ผล

นอกจากนั้น เราจะใช้ยาตัวนี้ เมื่อไม่ต้องการที่จะใช้นานนัก
เช่น ในรายที่ได้รับการผ่าตัดสมอง แพทย์เขาจะให้ยา dialntin
เป็นเวลาเป็นเวลา 1-2 ปี )

ถ้ากินยาขนาดแรงไป (overdose) จะทำให้เกิดอาการคล้ายเมาเหล้า
ร่วมกับครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียการทรงตัวทีเท้า


ผลข้างเคียงระยะสั้น จะไม่คอยพบในการใช้ยา dilantin
แต่ผลอันไม่พึงประสงค์จะค่อย ๆ เกิด มื่อมีการใช้ยานานเป็นปี ๆ
ถึงจะเกิดอาการข้างเคียง ที่รุนแรง

ผลข้างเคียงระยะยาวได้แก่ มีขนเกิดขึ้นที่ใบหน้า แขน-ขา โดยเฉพาะสตรีผิวดำ
เกิดเหงือกบวม และหนาขึ้น มีแนวโน้มที่จะเกิดมีเลือดออก
จิตซบเซา และ ความจำเสื่อม

เมื่อจำเป็นต้องใช้ (กิน) ยา dilantin เป็นเวลานาน
ให้สังเกต... สนใจเหงือกของตนเองให้มาก เพราะมันสามารถทำให้เลือดออกได้
ดังนั้น เราควรรักษาความสะอาดปาก และฟันให้ดี

ผลแทรกซ้อนอีกอย่างหนึ่งของการใช้ dilantin คือ เกิดผื่นเหมือนหัดเยอรมัน
ในกรณีดังกล่าว อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยาตัวอื่นแทน

ZARONTIN ethisyxunudem Parke Davis Pty Ltd
Zarontin เป็นยาเพียงตัวเดียว ที่นำมาใช้รักษาโรคลมชักชนิดเดียวเท่านั้น
นั้นคือโรคลมชัก ที่ไม่มีอาการชัก- Absence seizure
ซึ่งเราเคยเรียกว่า petit mal seizures

ผลข้างเคียง ซึ่งได้ไม่บ่อย ได้แก่ อาการคลื่นไส้ และมีอาการปวดท้อง
มีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น


Benzodiazepine Drugs
เป็นยาที่มีคุณสมบัติทำให้เกิดการกล่อมประสาท และสามารถต้าน
อาการเครียด และถูกใช้ต้านอาการชักด้วย
ตามความเป็นจริง ยาตัวนี้ มีฤทธิ์ในการต่อต้านโรคลมชักได้อ่อนมาก
ในด้านการปฏิบัติ เราไม่ควรใช้ยาตัวนี้เป็นตัวเลือกแรก
แต่ควรสงวนเอาไว้สำหรบสถานการณ์ ที่โรคลมชักไม่สามารถควบคุมได้
แม้ว่า เราจะให้ยาต้านอาการชักตัวอื่นอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม

The benzodiazepine drugs ได้แก่:
• RIVOTRIL (Clonazepam, Roche Products Pty Ltd)
• FRISIUM (Clobazepam, Hoescht Australia Ltd)
• VALIUM (Diazepam, Roche Products Pty Ltd)

continue >

1 ความคิดเห็น:

  1. ผมทยากทราบขนาดของการรับประทานยา. น้องผมทาน tegretol cr 400 mg. ครั้งละ 3 เม็ด เช้า เย็น น้ำหนักน้องผม 93กก. มันเยอะไปไหมครับแล้วอาการ ใจสั่น เวียนหัว ตาลาย เป็นผลมาจากยาหรือเปล่าครับ

    ตอบลบ