วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

Drugs Choice for Epilepsy

ในการรักษาคนใช้โรคลมชัก ไม่เพียงแต่ต้องได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้อง
แพทย์ผู้รักษา จะต้องมีประสบการณ์ในการรักษาด้วยยาเช่นกัน
การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้รู้ เป็นวิธีการหนึ่ง
ที่ทำให้เราเข้าใจในโรคดังกล่าวดีขึ้นเช่นกัน

ข้อมูลต่อไปนี้ เป็นการรายงานของ Anthony G Marson, MD
จากมหาวิทยาลัย ลิเวอรพูล จากประเทศอังกฤษ:

ความสำเร็จที่ได้จากการใช้ยาควบคุมอาการชัก
สามารถบอกคนไข้ได้ทราบว่า เขาจะได้รับประโยชน์จากยารักษา
เมื่อ เมื่อนำไปเปรียบกับอันตราย ที่จะเกิดจากการใช้ยาเหล่านั้น


Epilepsy Drug Choice Simplified
ตามชื่อที่เกี่ยวข้อง มีการทดลองต่าง ๆ
เขาได้เปรียบเทียบการรักษา โดยการใช้ยาตามมาตรฐาน
กับ ยาชนิดต่าง ๆ โดยมีการทดลอง ในกลุ่มคนไข้สองกลุ่มที่
แตกต่างกัน

โรคลมชักแบ่งเป็น 2 ประเภท
นั่นคือ Partial หรือ focal epilepsy ซึ่งมีคลื่นกระแสไฟฟ้า
เริ่มปรากฏจากสมอง เพียงตำแหน่งเดียว แล้วกระจายออกไป
เป็นเหตุให้มีการชักกระตุกเกิดขึ้นเฉพาะบางส่วนของร่างกาย
อีกชนิดหนึ่ง เป็นแบบทั่วไป (generalized epilepsy)
จะทำให้เกิดอาการชักขึ้น เมื่อมีคลื่นกระแสไฟฟ้าเกิดจากสมองในทุกส่วน

ผลจากการทดลองรักษา ในคนไข้จำนวน 1,721 ราย
ที่ได้รับการวินิจฉัย เป็นโรคลมชักเฉพาะที่ (partial epilepsy)

จากการเปรียบเทียบการใช้เก่า carbamazepine (tegretol)
กับยา gabapentin (Gabarone,Neurontin), Lamictal,
Trileptal และ Topamax
ผลปรากฏว่า Lamictal เป็นยาที่ได้ผลในการรักษาดีที่สุด”

กลุ่มที่สอง เป็นการทดลองในคนไข้จำนวน 716 ราย
ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็น โรคชักที่เกิดทั้งร่าง (generalized seizures)
ได้ทำการเปรียบเทียบการใช้ยาเก่า Valproic acid (Depakote)
กับยา Lamictal และ Topamax

ผลปรากฏว่า Valproate (Valproic acid) จะเหนือกว่ายาตัวอื่น ๆ
สำหรับโรคชักทั่วไป (generalized seizures)

นาย Jacquelin French,MD, Head of Penn Epilpsy
Center ….University of Penn. กล่าวว่า
ยาต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ได้ผลกับโรคลมชักชนิดทั่วไปทุกรายไป
เพราะที่เสนอมานั้น มันไม่ง่ายอย่างที่กล่าวเสมอไป

Epilepsy Drug Choice Still Complex
การศึกษาของนาย Marson’s
มีการศึกษาในแง่ของความทนทานต่อการใช้ยา และราคาที่ต้องจ่ายไป
แต่มีสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ อันตรายที่จะเกิดจากการใช้ยา (side effects),
และ อัตราเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยากับยาตัวอื่นๆ (drugs interaction)

ยกตัวอย่าง ยารักษาอาการชัก จะทำให้ยาคุมกำเนิดไร้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้
ขณะเดียวกัน ยา คุมกำเนิด (oral contraceptives)
จะทำให้ประสิทธิภาพของยาต้านชัก Lamictal ลดลง

คนไข้ที่เป็นโรคลมชัก ควรคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญต่อตัวเขา
ให้มาก ยกตัวอย่าง “ ฉันต้องการตั้งครรภ์ภายใน 5 ปี”
หรือ “ฉันกังวลใจเกี่ยวผลข้างเคียงจากการใช้ยา ซึ่งมันอาจเป็น
อันตรายต่อสุขภาพของฉัน” หรือ “ฉันต้องการป้องกันไมให้เกิดอาการชักตั้งแต่วันแรก...
ถ้ายา Lamictal ไม่สามารถใช้ได้ผล ฉันควรทำอย่างไร ?”
นั่นคือสิ่งที่คนไข้โรคลมชัก มีความกังวลใจ

Epilepsy Drug Choice Still Complex continued...
นาย Marson เห็นด้วยกับข้อมูลที่ได้จากการศึกษาว่า
มันไม่สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด แต่จะให้ข้อมูลใหม่
ที่สามารถช่วยเหลือคนไข้ได้

การเลือกที่สำคัญสุดของคนไข้
คือ เลือกแพทย์ ผู้ทำการรักษาโรคชัก
ซึ่งสามารถตอบคำถามต่าง ๆ ของคนไข้ได้ เช่น

“เขาเป็นโรคลมชักชนิดใด ?”
ถ้าแพทย์คนนั้น ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้..
ก็ถึงเวลาที่คนไข้ จะต้องเลือกหมอรักษาคนใหม่ได้แล้ว
เพราะถ้าแพทย์ไม่รู้ว่า คนไข้เป็นโรคลมชักชนิดใดแล้ว
ท่านอย่าได้หวังให้แพทย์สามารถรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพได้

ผลจากการศึกษา พบว่า มีคนไข้ประมาณ 50 % สามารถควบคุม
อาการชักได้เป็นอย่างดี ไม่ว่ายาที่ได้รับนั้นจะเป็นยาอะไร

ที่สำคัญ ไมมีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่า
คนไข้รายใดจะตอบสนองต่อการรักษา หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ประมาณว่า 30 % ของคนไขโรคชัก จะไม่ตอบสนองต่อการรักษาต่อยาที่ได้รับ

ในปัจจุบัน มียาใหม่ ๆ หลายตัว ที่นำมาใช้ในการรักษาโรคลมชัก
และหวังว่า จะได้พบยาใหม่ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้น
จากระยะเวลา 10 กว่าที่ผ่านมา ได้มีการสร้างยาใหม่ ๆ ถึง 10 ตัว
ซึ่งสามารถนำมาใช้รักษาคนไข้ที่เป็นโรคลมชักได้
แต่เรายังไม่สามารถเอาชนะ คนไข้โรคลมชัก ที่ต้านยารักษา
นั่นเป็นเรื่องที่แพทย์จะต้องพยายามต่อไป

นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดจากการศึกษาของนาย Marson

http://www.webmd.com/epilepsy/news/20070322/best-first-choice-drugs-epilepsy-idd?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น