เรามักจะพบเห็นแพทย์สั่งยา statins ให้แก่คนที่มีไขมันในเลือดสูง
กว่าระดับปกติ ด้วยจุดประสงค์ลดระดับไขมันลงสู่ระดับที่ปลอดภัย
และ ในขณะเดียวกัน ถือเป็นการลดความเสี่ยง ไม่ให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด (Heart attack)
หรือ ภาวะสมองขาดเลือด (stroke)
คนส่วนใหญ่เมื่อกินยาในกลุ่ม statin แล้ว เขามักจะกินยาตัวนั้นไปตลอดชั่วอายุไขของเขา
เป็นเหตุให้การแก้ไขปัญหาเรื่องผลข้างเคียง ที่เกิดจากยา statin ลำบากขึ้น
ผลข้างเคียงที่เกิดจากยา statin ทำให้ประโยชน์ที่พึได้รับ
อาจไม่คุมกับผลเสียที่เกิดขึ้นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านจะหยุดยาตัวดังกล่าว
ท่านอาจเริ่มต้นหาทางลดผลข้างเคียงเสียก่อน ว่า
ท่านมีทางที่จะลดผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้หรือไม่ ?
เช่น ลดขนาดของยาลง เป็นต้น
ผลข้างเคียง (side effects) ของ statin ?
o ปวดกล้ามเนื้อ (Muscle pain) :
เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุด บางท่านอาจมีความรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อย
หรือ เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่ง อาการดังกล่าว อาจเพียงก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น
หรือ มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ยกตัวอย่าง เช่น ไม่สามารถเดินขึ้นบันได เดินด้วยความลำบาก มีอาการเหนื่อย เพลีย
มีบางกรณี ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น จะมีความรุนแรงมากถึงขั้นทำลายชีวิตของคนได้
แต่โชคยังดี ที่มันไม่ค่อยจะเกิด นั้นคือ มีการทำลายของกล้ามเนื้อ เรียก rhabdomyolysis
ซึ่ง เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อมีความรุนแรง ถึงกับทำให้ตับถูกทำลาย
ไตล้มเหลว และ อาจถึงความกับสูญเสียชีวิตไปในที่สุด
ภาวะ rhabdomyolysis สามารถเกิดขึ้นจากการที่ท่านกินยา statin
ร่วมกับยา หรือ ร่วมกับสารบางอย่าง
ซึ่งทำให้ระดับของ statin ในกระแสเลือดสูงขึ้น
o ตับถูกทำลาย (Liver damage):
การใช้ยา statin บางครั้งสามารถทำให้ตับผลิตเอ็นไซม์ออกมามากเกินปกติ
โดยที่เอ็นไซม์เหล่านั้น มันหน้าที่ช่วยในการย่อย - สลาย อาหาร เครื่องดื่ม และ ยาต่าง ๆ
ถ้าการที่ตับผลิตเอ็นไซม์ไม่มากนัก ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
แต่หากว่า การกินยา statin นั้น ทำให้ตับผลิตเอ็นไซม์ออกมากเกินไป...
มันอาจก่อให้เกิดผลอันไม่พึงปราถนาได้
ในบางกรณี บางคนเกิดมีปัญหาขึ้นแล้ว แต่ตัวเองไม่ทราบ
เป็นเหตุให้ปัญหาที่เกิด ไม่ได้รับการแก้ไข
อะไรจะเกิดขึ้น ?
แน่นอน...ตับจะถูกทำลายไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นไม่สามารถรักษาให้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้อีกต่อไป
ยกตัวอย่างของยาที่ก่อให้เกิดปัญหา ได้แก่ยา niacin และ gemfibrozil (Lopid)
เป็นยาที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการทำลายของตับ โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบ เพราะเขาจะมีอาการในใด ๆ
ดั้งนั้น ใครก็ตามที่รับประทาน statin เป็นประจำ
ควรได้รับการตรวจเช็ค ดูการทำงานของตับบ่อย ๆ 6 อาทิตย์หลังรับประทานยา
จากนั้นให้ตรวจซ้ำทุก 3-6 เดือน หลังรับประทานยา statin
โดยเฉพาะในราย ทีต้องเพิ่มยา หรือในกรณีที่ต้องใช้ยาลดไขมันตัวอื่นเพิ่มเข้าไปอีก(combination)
o ปัญหาด้านการย่อยอาหาร (Digestive problems):
มีคนไข้บางรายเมื่อรับประทาน statin แล้ว จะเกิดมีอาการคลื่นไส้
มีลมในกระเพาะ-ลำไส ท้องล่วง หรือ มีอาการท้องผูก แต่อาการเหล่านี้ พบได้น้อยมาก
คนส่วนใหญ่ ก่อนที่จะรับประทานยา statin พบว่า เขามีปัญหาเกี่ยวระบบย่อยอาหารอยู่แล้ว
วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว กระทำได้โดยรับประทานยาร่วมกับอาหารเย็น
สามารถลดอาการดังกล่าวลงได้
o มีผื่น หรือ หน้าแดง (Rash or flushing) :
เมื่อท่านรับประทาน statin ท่านอาจเกิดมีผื่นตามผิวหนัง
หรือมีอาการหน้าแดงกร่ำ ยิ่งเมื่อมีการรับประทานร่วมกับ niacin
o ผลข้างเคียงทางประสาท (Neurological side effects):
มีนักวิจัยบางคน ได้ศึกษาเพื่อพิสูจน์ว่า มีความเกี่ยวเนื่องกับการเกิดภาวะความจำเสื่อม
หรือเกิด amyotrophic lateral sclerosis หรือไม่ ?
ผลปรากฏว่า statin ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับโรคทั้งสองโรคเลย
o ใครจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจาก statin ?
คนที่กินยา statin เพื่อลดระดับไขมัน จะไม่เกิดผลข้างเคียงทุกรายไป
แต่ก็มีบางรายเท่านั้น อาจมีแนวโน้มที่เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่าคนอื่น ๆ เช่น:
o รับประทานยาลดไขมันหลายตัว
o เป็นเพศหญิง
o โครงสร้างของร่างกายเล็กกว่าปกติ
o อายุมาก 65 หรือ แก่กว่า
o มีโรคไต และ โรคตับ
o เป็นโรคเบาหวาน ทั้งประเภท 1 & 2
อะไรคือสาเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงจาก statin?
สาร statin ออกฤทธิ์ในการลดการสร้างไขมัน cholesterol ลง
โดยปกติ ร่างกายของคนเราจะสร้างไขมัน cholesterol ทุกชนิด
เพื่อสนองความต้องการของร่างกาย เช่น ย่อยอาหาร และ สร้างเซลล์ขึ้นใหม่
เมื่อกระบวนการสร้างไขมันลดลงจากการใช้ยา statin
มีนจะทำให้ร่างกายของท่าน จะเริ่มดึงไขมัน cholesterol
ที่มันต้องการจากอาหารที่ท่านรับประทานเข้าไป ทำให้ปริมาณของ total cholesterol ลดลง
สาร Statin อาจไม่เพียงแต่กระทบต่อการสร้าง cholesterol ในตับเท่านั้น
แต่ มันอาจกระทบกับ “เอ็นไซม์” อีกหลายตัวในกล้ามเนื้อของคนเรา
ซึ่ง มันทำหน้าที่รับผิดชอบกับการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ
ผลที่กระทบกับเอ็นไซม์ดังกล่าว จึงอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดมีอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อ (muscle ache)ก็ได้
Continued…. Side Effect
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น