วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Calcium Supplement: Which calcium supplement are the best?

กระดูกของมนุษย์เรา มีสารแคลเซียมประมาณ 99.5 % ของแคลเซียมที่มีในร่างกาย
สารแคลเซียม ที่อยู่ในกระดูกจะมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายส่วนอื่น ๆ
ในกระดูกจะมีเซลล์ชนิดหนึ่ง เรียก osteoclasts ทำหน้าที่สลายสารแคลเซียม
และปล่อยธาตุแคลเซียมสู่กระแสเลือดต่อไป

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญ ทำให้หัวใจ ประสาท กล้ามเนื้อ อวัยวะอย่างอื่นๆ ให้ทำงานได้ตามปกติ
และเป็นที่รู้โดยทั่วกันคือ เป็นสารที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกพรุนนั้นเอง

ความต้องการของมนุษย์เรา มีความต้องการสารแคลเซียมในจำนวนที่ต่างกัน ทั้งนี้มันขึ้นกับ
อายุ เพศ และสภาพหลังหมดประจำเดือน

จากสถิติของสหรัฐฯ กล่าวว่า สตรีในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะขาดธาติแคลเซียมกันทั้งนั้น
ดังนั้น เขาจึงแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมที่มีสารแคลเซียมทุกวัน
เพื่อเป็นการเสริมสารที่ขาดไป

มีสารแคลเซียมที่วางขายในร้านขายยา เช่น citracal ซึ่งสามารถช่วยทำให้กระดูก
อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้

คนเราสามารถได้รับสารแคลเซียมทางการกิน (อาหาร)
ซึ่งมีอาหารหลายอย่าง ที่มีแคลเซียม
ถึงกระนั้นก็ตาม คนเรายังต้องได้รับแคลเซียมเสริม โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเจริญเติบ
หรือคนสูงอายุ ซึ่งกระดูกเร่ิมจะสูญเสียความแข็งแรงไป

ในสตรีหลังประจำเดือน ในคนที่ดื่มกาแฟเป็นจำนวนมาก ชอบดื่มน้ำโซดา กินยา steroids
ซึ่งคนเหล่านี้ จำต้องได้รับอาหารเสริมอาหารที่มีสารแคลเซียมด้วย

มีสารแคลเซียมให้เลือกใช้อยู่หลายชนิด เพื่อทำให้กระดูกของท่านแข็งแรงขึ้น
ปัญหา ท่านจะเลือกสารตัวไหนดี ?

คำแนะนะนำ:

เพื่อให้กระดูกของเราแข็งแรง และสามารถขจัดโรคกระดูกพรุนออกไปจากร่างกายของท่าน
โดยเฉพาะเมื่อเรามีอายุมากขึ้น จำต้องรับประทานสารแคลเซียมในปริมาณที่มากพอ
นั่นหมายความว่า:

ถ้าท่านอายุน้อยกว่า 50 ให้รับประทานแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
หากท่านมีอายุมากกว่านั้น ให้รับประทานวันละ 1,200 มิลลิกรัม

ท่านสามารถหาสารแคลเซียมได้จากอาหาร เช่นผักสีเขียวทั้งหลาย ดื่มนมที่มีไขมันต่ำ
นอกเหนือไปจากนี้ ท่านอาจจำเป็นต้องทราบอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับสารแคลเซียม
เพื่อให้แน่ใจว่า ร่างกายท่านได้รับสารดังกล่าวตามที่ท่านต้องการ

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารแคลเซียมจากอาหารเสริม:

o ท่านต้องตรวจให้แน่ว่า ปริมาณของสารแคลเซียมที่มีในสารอาหารเสริม จะต้องเพียงพอ
ซึ่งร่างกายของท่านสามารถดูดซับจากกระเพราะลำไส้

o ให้รับประทานขนาดน้อย ๆ ต่อวันเอาไว้ เพราะร่างกายของท่านสามารถดูดซับได้
ครั้งละ 500 มิลลิกรัม

o ท่านจำเป็นต้องได้รับไวตามิน D ด้วย เพื่อร่างกายของท่านสามารถใช้แคลเซียมได้
อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันช่วยให้มีการดูดซึมสารแคลเซียมได้ดีขึ้น(up to 65 %)
ดังนั้น ท่านจะต้องหาสารอาหารที่มีทั้งแคลเซียม ไวตามินดี จะเป็นการดี

ก่อนที่ท่านจะใช้สารแคลเซียม เพื่อเสริมกระดูกให้แข็งแรง ท่านต้องตรวจให้แน่ใจว่า เป็นตัวไหน
ที่ท่านต้องการ ซึ่งมีสามตัวที่ใช้กันบ่อยที่สุด
ส่วนอีกสองตัวไม่ควรไช้ เพราะปริมาณของแคลเซียมมีนต่ำเกินไป เช่น
Calcium gluconate และ calcium lactate

สำหรับ แคลเซียมจากประกางรัง และ และจากเปลือกหอย ก็ควรหลีกเลิ่ยงเสีย
เพราะมันอาจมีสารตะกั่วได้

o Calcium citrate 20 % calcium:

ข้อดี : ถูกดูดซึมได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยจากระเพาะอาหารช่วยในการดูดซึม
จะรับประทานเวลาไหนของวันก็ได้

ข้อเสีย : ราคาแพง ปริมาณที่มีในเม็ดมีสารแคลเซียมน้อย จำเป็นต้องรับหลายเม็ดต่อวัน
สำหรับคนไข้ที่เป็นโรค acid reflux ไม่สามารถทนต่อการใช้ยาตัวนี้ได้

o Calcium carbonate 40 % calcium:
มีขายมากที่สุดในท้องตลาด

ข้อดี : ราคาถูกที่สุด มีปริมาณแคลเซียมมากที่สุด
ข้อเสีย : จะต้องรับประทานหลังอาหาร หรือน้ำสัม (acidic) พื่อช่วยในการดูดซึม
อาจทำให้มีลมในหระเพาะลำไส้ หรือท้องผูก

o Calcium phosphate 39 % calcium:

ข้อดี : เพราะไม่ทำให้เกิดลมในท้อง หรือเกิดท้องผูก แถมยังถูกดูดซึมได้ง่าย
ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าพวก carbonate

สำหรับ calcium Gluconate และ Calcium Lactate เนื่องจากในแต่ละเม็ดมี
ปริมาณของสารแคลเซียมน้อยมาก ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับคนไข้
เพราะต้องรับประทานละครั้งละหลายเม็ดจึงจะได้ในปริมาณที่พอเพียงต่อความต้องการ

สำหรับ coral calcium เคยมีการโฆษณาว่า สามารถรักษาโรคได้ร้อยแปด
ต้องระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อโดยเด็ดขาด

จากรายงานมีว่า Dr. Robert Barefoot เคยกล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นที่มีอายุยืนนั้น
เป็นเพราะดื่มน้ำที่มีสารที่ได้จากปะการัง (coral reef substances)
นั่นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีสารแคลเซียมใดรักษาโรคได้ร้อยแปด

นายหมอตีนเปล่าคนนี้ ได้พยายามโฆษณาขายสินค้าของเขาเท่านั้นเอง
และคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถูกลงโทษจำคุกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คำแนะนำ: ในการรับประทานสารแคลเซียม เราไม่ควรรับประทานมากเกิน 1,200 มิลลิกรัม ต่อวัน
เพราะการรับประทานมากกว่า 2,500 มิลลิกรัม จะมีอันตรายต่อไต (สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้)
และลดการดูดซึมเกลือแร่อย่างอื่น เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม

นอกจากนั้น ท่านไม่ควรรับประทานสารแคลเซียมร่วมกับสาร หรือยาอื่น ๆ
เช่นสาร Bisphosphonate(Fosamax และ Boniva) และยาปฏิชีวนะบางชนิด
เพราะสารแคลเซียม สามารถสกัดกั้นไม่ให้มีการดูดซึม สารดังกล่าวได้
ดังนั้น ก่อนใช้ต้องระวังด้วย


www.arthritistoday.org/nutrition-and-weight-loss/healthy-eating/goog-food/calcium-supplements-php
www.healthcastle.com/coralcalcium-scamshtm/
www.healthcastle.com/caliumpill.shtmI

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น