Osteopenia เป็นคำที่มีความหมายบ่งบอกว่า มวลกระดูกของคนเรามีความหนาแน่นน้อยกว่าปกติ
มีหลายคนกล่าวว่า osteopenia เป็นสภาวะขั้นต้น (precursor) ก่อนที่จะเกิดโรคกระดูกพรุน
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็น osteopenia แล้ว ไม่ได้หมายความว่า
กระดูกของเขาจะกลายเป็นโรคกระดูกพรุน
ถ้าหากจะพูดตามหลักวิชาการแล้ว โดยการตรวจดูความหนาแน่นของมวลกระดูก
คนเป็นที่กระดูกอยู่ในภาวะ osteopenia จะพบว่า
T-score จะมีค่าอยู่ระหว่าง -1.0 ถึง -2.5
Osteopenia ถูกกำหนดขึ้นโดย WHO เมื่อปี 1992
โดยมีเชี่ยวชาญหลายนาย ตัดสินว่า ใครก็ตามที่มีความหนาแน่นของกระดูกต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยของมวลกระดูกของสตรีผิวขาว ที่มีอายุ 30
ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาใช้กับคนสูงอายุ ผู้ได้รับบาดเจ็บกระดูกแตกหักเท่านั้น
Diagnosis:
จากสถิติของบริษัท Merck ผู้ซึ่งจำหน่าง”ยา” ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก
(anti-bone loss drug)
ได้ให้ตัวเลขที่น่าสนใจเอาไว้ว่า ในปี 2003 มีสตรีจำนวน 8 ล้านคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น osteopenia
และในสตรีจำนวนดังกล่าวประมาณ 1/3 ได้รับการรักษา ด้วยยาต้านกระดูกพรุน
การตรวจกระดูกด้วย Scans ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างากาย ซึ่งสามารถกระทำได้ด้วย X-rays
มีชื่อเรียกว่า DEXA (dual X-ray absorptiometry).
นอกจากนั้น การตรวจมวลกระดูก ยังสามารถตรวจได้ด้วย ultrasoundอีกด้วย
Causes:
มันสามารถเกิดขึ้นในสตรี วัยหลังหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากร่างกายมีปริมาณ estrogen ลดน้อยลง
สภาวะดังกล่าวอาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เมื่อคน ๆ นั้น มีวิถีชีวิตที่เอื้อต่อการเกิดโรค
เช่น ไม่ค่อยออกกำลังกาย ดื่มสุราเป็นประจำ สูบบุปรี่จัด หรือใช้ยาประเภท glucocorticoid
เพื่อรักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคหืด หรือไรครูมาตอยด์
Treatment and Controversy:
ในปัจจุบันนี้ ยังมีความคิดเห็นขัดแย้งกันว่า คนที่เป็น osteopenia ควรรักษาหรือไม่ ?
สำหรับคนที่ควรได้รับการรักษา (candidate) ได้แก่บุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกแตกหัก
ซึ่ง จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความหนาแน่นของมวลกระดูกเป็นสำคัญ
ในปี 2008 National Osteoporosis Foundation
ได้ให้คำแนะนำให้ทำการรักษาในสตรีหลังหมดประจำเดือน และในชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
เมื่อคนเหล่านั้น มี:
1. เมื่อมีกระดูกสะโพก หรือกระดูกสันหลังแตก- หัก
2. เมื่อทำการตรวจมวลกระดูก ( Bone Density ) ของกระดูกคอสะโพก (femoral neck)
หรือกระดูกสันหลัง (spine) T-score มีค่า -2.5(ตัดพวก secondary causes ออก)
3. T-score ระหว่าง -1.0 ถึง -2.5 ของกระดูก femoral neck และ spine
4. เป็นการตัดสินใจของแพทย์ และผู้ที่ต้องการรักษา ซึ่งภายในระยะเวลา 10 ปี มีโอกาสกระดุกแตกหัก
(สำหรับข้อ 1 และ 2 เป็นคนที่มีกระดูกเป็น osteoporosis ส่วนของ 3 และ 4 เป็นพวก osteopenia
เมื่อมีการตัดสินใจว่า จะต้องรักษากันแล้ว...
ยาที่ถูกนำมาใช้ ปรากฏว่ามีมากมาย ให้ท่านได้มีโอกาสเลือกใช้ตามความต้องการ และความเหมาะสม
เช่น
Bisphosphonates ซึ่งประกอบด้วย alendronate, risedronate และ ibandronate
Selective estrogen receptor modulators(SERMs) ซึ่งประกอบด้วย raloxifene,
Estrogen
Calcitonin
Teriparatide
จากการศึกษา พบว่าประโยชน์ที่ได้จากยาเหล่านี้ มีความแตกต่างกันน้อยมาก
ฉนั้นการที่ท่านจะใช้ยาตัวใด จึงขึ้นกับสภาพของตัวทานเป็นสำคัญ ตลอดรวมถึง
ตัวแพทย์ ผู้ให้คำแนะนำว่า ตัวใหนจึงจะเหมาะสม...
www.en.wikipedia.org/wiki/osteopenia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น