วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Fatigue:

Fatigue หมายถึงอาการอ่อนล้า หรืออาการอิดโรยของกายและใจ
มนุษย์เราทุกคนต่างมีโอกาสทำงานหนักด้วยกันทุกคน
และภายใต้สภาวะดังกล่าว มักจะเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสามารถแก้ไขได้

สำหรับอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังนี้ซิ ย่อมทำให้เกิดการเสื่อมถอยทั้งกาย และใจ
ซึ่ง จะมีผลกระทบต่ออารมณ์ และจิตใจด้วยเสมอ

อาการเหนื่อยล้า ไม่เหมือนกับอาการง่วงนอน ถึงแม้ว่าอยากจะนอนก็ตามที
เป็นอาการที่ขาดแรงกระตุ้น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น

ในบางราย อาการเหนื่อยล้า เป็นอาการของปัญหาทางสุขภาพ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษา
ส่วนใหญ่ เมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบว่า อาจมีต้นเหตุจากอุปนิสัย หรือจากงานประจำ
ซึ่งบางทีท่านสามารถบอกได้ว่า อะไรก็คือต้นเหตุที่ทำให้ท่านเกิดมีอาการเช่นนั้น
ท่านเพียงแต่ทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง
ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการเมื่อยล้าของท่าน อาการก็จะหายไปเอง


Causes:

โดยทั่วไป อาการเมื่อยหล้า อาจเนื่องมาจากปัจจัยสามกลุ่ม ซึ่งได้แก่ การดำเนินชีวิต (Lifestyle)
อารมณ์ (Psychological problems) และ ปัจจัยด้านสุขภาพ (Medical problems)

ปัจจัยทางวิถีการดำเนินชีวิต (Lifestyle factors)

 ดื่มแอลกอฮอล (Alcohol use or abuse)

 ดื่มกาแฟ (caffeine)

 ออกแรงมากเกินไป (Excessive physical activity)

 ไม่ค่อยออกแรง (Inactive)

 อดหลับอดนอน (Lack of sleep)

 ยา (medications) เช่น ยาแก้แพ้ อาแก้ไอ ยารักษาโรคหัวใจ ยาแก้ปวด
ยาลดความดัน และยารักษาโรคจิตประสาทบางตัว

 กินอาหารไม่ได้สุขภาพ (unhealthy eating habits)

ปัญหาด้านจิตใจ (Psychological problems):

 ความกังวล (Anxiety)

 ซึมเศร้า (Depression)

 เศร้าโศกเสียใจ (Grief)

 เครียด (stress)

ปัญหาด้านสุขภาพ (Medical conditions):

การที่คนเรามีอาการเหนื่อยเพลียอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นอาการแสดงของโรคอะไรบางอย่าง
ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในร่างกายได้ เช่น

 โรคตับล้มเหลว (Liver failure)

 โรคโลหิตจาง (Anemia)

 โรคมะเร็ง (Cancer)

 กลุ่มอาการ Chronic fatigue syndrome

 โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney failure)

 โรคอุดตันทาวระบบหายใจ (COPD)

 โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)

 โรคหัวใจ (Heart diseases)

 โรคต่อมไทรอยด์ (Hyperthyroidism & Hypothyroidism)

 โรคอ้วน (Obesity)

 Pregnancy

 หลังการผ่าตัดใหญ่

 โรคขาไม่อยู่สุข (Restless leg syndrome)

 โรค เบาหวาน

 ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep apnea)

การปฏิบัติตน (Home care)
ท่านสามารถช่วยเหลือตนเองได้ด้วยการ

 นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง

 รับประทานอาหารสุขภาพ (healthy diet)

 ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

 เรียนรู้เรื่องการผ่อนคลาย เช่น โยคะ หรือการปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ

 รักษาสภาพการทำงานให้เกิดความสมดุล ไม่ออกแรงมากเกินไป

 เปลี่ยนงานที่กดดัน เช่นหยุดพักผ่อน หรือเปลี่ยนงาน

 รับประทานไวตามิน

 งดเว้น หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮล กาแฟ และใช้ยา (เสบติด)

ถ้าหากท่านตกอยู่ภายใต้ความเจ็บปวดเรื้อรัง หรือซึมเศร้า ท่านจำเป็นต้องได้รับการรักษา
แต่ให้ทราบด้วยว่า ยารักษา เช่น anti-depressants บางตัวอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเมื่อยล้า
หรือทำให้อาการทีมีอยู่แล้วเลวลงกว่าเดิมได้

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับขนาดของยาให้เหมาะกับตัวท่านเอง
อย่าหยุดหรือเปลี่ยนยา โดยไม่ได้บอกแพทย์เป็นอันขาด

สารกระตุ้นทั้งหลาย รวมถึงกาแฟ ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการรักษาอาการเมื่อล้าของท่าน
เพราะมันอาจทำให้อาการเลวลงเมื่อท่านหยุดมัน
ยานอนหลับจะทำให้อาการเลวลงในระยะยาว

เราควรพบแพทย์เมื่อใด ?
ท่านควรพบแพทย์ทันทีเมื่อท่านมีอาการต่อไปนี้

 เมื่อท่านเกิดมีอาการสับสน หรือวิงเวียน

 สายตามพร่ามัว

 ปัสสาวะออกน้อย หรือไม่มีเลย หรือมีอาการบวม หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ท่านอาจปรึกษาแพทย์เมื่อท่านมีอาการต่อไปนี้ (ไม่รีบด่วน)

 เมื่อท่านไม่สามารถอธิบายถึงอาการเมื่อยล้าที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับน้ำหนักตัวลด

 เมื่อท่านมีอาการท้องผูก ผิวหนังแง น้ำหนักเพิ่ม และไม่สามารถทนต่อความเย็นได้

 เมื่อท่านหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน

 เมื่อท่านมีอาการปวดศีรษะ

 เมื่อท่านกินยาจากแพทย์ หรือซื้อกินเอง แล้วเกิดมีอาการเมื่อยล้า

 เมื่อท่านมีอาการซึมเศร้าหรือเสียใจ

 เมื่อท่านนอนไม่หลับ (insomnia)

www.nlm.gov/medlineplus/ency/article/003088.htm
www.mayoclinic.com/health/fatigue/MYoo120?DSECTION

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น