วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

HIV/AIDs

AIDs ใครได้ยินแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจเท่าใดนัก...
เป็นโรคเรื้อรัง มีอันตรายของชีวิตมนุษยชาติ โดยมันจะคุกคาม ระบบภุมิคุ้มกัน
โดยเชื้อ Human immunodeficiency virus
หรือที่เรารู้ในชื่อย่อว่า HIV นันแหละ
มันจะทำลายระบบคุ้มกัน ด้วยการขัดขวางร่างกาย ไม่ให้สามารถต่อสู่กับเชื้อโรคต่างๆ
เป็นเหตุให้คนเราเกิดเป็นโรคขึ้นมาในที่สุด

โรค HIV ตัวนี้ สามารถผ่านเข้าสู่คนทางเพศสัมพันธ์
นอกนั้น ยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น เช่น ทางเลือด ด้วยการรับเลือดของคนเป็นโรค HIV
หรือจากแม่ไปสู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ หรือระหว่างคลอด หรือระหว่างให้นมลูก
ซึ่งมันจะต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ
จึงจะทำภูมิต้านทานอ่อนแอลง ถึงระดับที่จะเป็นโรค AIDS ได้

มันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหายขาดเลย
แต่เราก็มียาหลายตัว ที่สามารถชะลอการพัฒนาโรคดังกล่าวได้
เป็นยาที่ลดความตายของคนที่เป็นโรค AIDS
ส่วนในโลกที่กำลังพัฒนา เช่น Africa, Haiti และบางส่วนของอาเชีย
ยังเป็นโรคที่น่าเป็นห่วง

อาการแสดง(Symptoms)
คนที่เป็นโรค AIDS จะมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นกับระยะของโรคอยู่ในระยะไหน


First few weeks of infection:

สมมติว่า ท่านเกิดโรคขึ้น ภายในระยะแรกท่านจะไม่มีอาการ
แต่ว่า ท่านก็สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังคนอื่นได้
มีคนเป็นโรคจะมีอาการเหมือนกับเป็นไข้หวัด (Flu-like) ประมาณ 2 – 4 อาทิตย์
หลังจากที่เกิดมีการอักเสบจากเชื้อดังกล่าว

อาการของคนไข้ที่เป็นโรค AIDS อาจมีอาการต่อไปนี้:

o มีไข้ (Fever)

o ปวดศีรษะ ( Headache)

o เจ็บคอ (Sore throat)

o ต่อมน้ำเหลืองโต (Swollen of Lymph node)

o ผื่นตามผิวหนัง (Skin rash)



Years latter:

เมื่อหลายปีผ่านไป
ตัวท่านอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ให้ปรากฏ แต่เชื้อไวรัสก็ยังแบ่งตัวต่อไป
และทำลายเซลล์ของระบบภูมิต้านทานอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งท่านอาจแสดงอาการของการอักเสบจากโรคไวรัส HIV ได้เล็กน้อย
หรือท่านอาจมีอาการอย่างเรื้อรัง ดังนี้:

o ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเป็นอาการแสดงอันแรกของโรค HIV

o ท้องล่วง (Diarrhea)

o น้ำหนักตัวลด (Weight loss)

o มีไข้ (Fever)

o ไอ และหายใจติดขัด (Cough and shortness of breath)

การพัฒนาดำเนินของโรค AIDS
(Progression of AIDS)

ถ้าท่านมีเชื้อโรคในร่างกาย และไม่ได้รับการรักษาแต่อย่างใด
ภายในระยะเวลาประมาณ 10 ปี โรคก็จะพัฒนาต่อไปกลายเป็นโรค AIDS
เมื่อท่านเป็นโรค AIDS เกิดขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกทำลายลงสิ้นเชิง
ทำให้ท่านมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบ opportunistic
จากเชื้อ pneumocystis pneumonia

อาการ และอาการแสดงของโรค AIDS ประกอบด้วย

o กลางคืนเหงื่อโชกตัว

o มีอาการหนาวสั่น ไข้สูงกว่า 100 F เป็นเวลาหลายอาทิตย์

o ไอ หายใจถี่

o ท้องล่วงเรื้อรัง

o มีรอบแผลเป็นจุดสีขาว หรือมีรอยแผลที่ประลาดในบริเวณของลิ้น เป็นเวลายาวนาน

o ปวดศีรษะ

o ปวดเมื่อยเป็นเวลายาวนาน อย่างไม่ทราบสาเหตุ

o สายตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว

o น้ำหนักลด

o มีผื่นบนผิวหนัง

สาเหตุ (Causes)

มีรายงานว่า มีเชื้อไวรัส มีลักษณะคล้ายกับเชื้อ HIV ซึ่งเกิดขึ้นในลิง
(chimps and Monkey in African)
ในระหว่างที่มีการชำแหละเนื้อลิงดงกล่าว เชื้อไวรัสอาจแพร่กระจายมาสู่คน
และอาจทำให้เขาคนนั้นเกิดเป็นโรค HIV ขึ้นได้

เมื่อเชื้อไวรัส HIV เข้าสูคนแล้ว มันเกิดเป็นโรค AIDS ได้อย่างไร ?

เชื้อ HIV เมื่อมันเข้าสู่คนแล้ว เชื้อโรคมันจะทำลายเซลล์ที่มีชื่อว่า CD 4 cells
ซึ่งเป็นเซลล์เฉพาะของเม็ดเลือดขาว มีบทบาทสำคัญในการช่วยร่างกายให้ต่อสู้กับโรค

ระบบภูมิต้านทานของร่างกาย จะอ่อนแอลง เมื่อ CD4 Cells ถูกทำลายมากพอ
ท่านอาจมีเชื่อโรค และเป็น HIV infection นานเป็นปี ๆ ก่อนที่จะเป็นโรค AIDS

และเราจะวินิจฉัยว่าท่านเป็นโรค AIDS ได้ก็ต่อเมื่อใด?
ท่านจะเป็นโรค AIDS เมื่อเขาตรวจเลือดของท่าน พบว่า CD4 มีค่าต่ำกว่า 200
เมื่อนั้นแหละเขาจะบอกว่า ท่านเป็นโรค AIDS แล้ว
หรือ ท่านเป็นโรค AIDS เมื่อท่านอาจมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้น ดังนี้:

o Pneumocystis jiroveci pneumonia

o Cytomegalovirus

o Tuberculosis

o Toxoplasmosis

o Cryptosporidiosis


Cont. > (2)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น