เราจะรักษาอย่างไร ?
อาการปวดหลังส่วนใหญ่ จะดีขึ้นได้ด้วยการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ซึ่งประกอบด้วย การพักผ่อนสันวัน หรือ สองสามวัน จากนั้นก็เริ่มต้นออกกำลังกายให้เร็วที่สุด
รับทานยาแก้ปวดจากร้านขายยาทั่วไป (ถ้าจำเป็น)
ซึ่งประกอบด้วย การพักผ่อนสันวัน หรือ สองสามวัน จากนั้นก็เริ่มต้นออกกำลังกายให้เร็วที่สุด
รับทานยาแก้ปวดจากร้านขายยาทั่วไป (ถ้าจำเป็น)
เพียงการเดิน (walking) เป็นวิธีการง่ายที่สุด และอาจเป็นวิธีการออกกังที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่เกิดมีอาการปวดหลัง มันทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ อยู่ในสภาพแข็งแรง
แพทย์ หรือ นักกายภาพบำบัด สามารถให้คำแนะนำการออกกำลังกายเฉพาะบางอย่างให้แก่ท่าน
เพื่อช่วยทำให้กล้ามเนื้อของหลังแข็งแรงขึ้น
การออกกำลังกายมีหลายอย่าง ซึ่งเรียกว่า core stabilaization
ซึ่งได้แก่ การทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ของหลัง แล้กล้ามเนื้อท้องแข็งแรงขึ้น ทำให้การทรงตัวของท่านดีขึ้น
ทำให้ท่านรักษาความสมดุลยให้ดีขึ้น และลดโอกาสของท่าน ไม่ให้เกิดบาดเจ็บขึ้นได้
ซึ่งได้แก่ การทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ของหลัง แล้กล้ามเนื้อท้องแข็งแรงขึ้น ทำให้การทรงตัวของท่านดีขึ้น
ทำให้ท่านรักษาความสมดุลยให้ดีขึ้น และลดโอกาสของท่าน ไม่ให้เกิดบาดเจ็บขึ้นได้
นอกจากนั้น ยังมีการรักษาอย่างอื่นๆ ซึ่งอาจดีสำหรับบางคน แต่อาจไม่ดีสำหรับรายอื่นๆ
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องพยายามเลือกวีการอย่างอื่น ที่เหมาะสมสำหรบท่าน
เช่น:
§ การบีบนวด (Massage)
§ การดัดกระดูกสันหลัง (Spinal manipulation)
§ การฝังเข็ม (Acupuncture)
จากการรักษาดังกล่าว ถ้าหากอาการของท่านมีความรุนแรง หรือ หลังจากได้รับการรักษาแล้ว
เป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการยังไม่หาย...ท่านควรไปพบแพทย์เสีย
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องได้รับยาแก้ปวดที่แรงขึ้น หรือ ทำการรักษาด้วย “กายภาพบำบัด”
ในกรณีที่อาการปวดหลังของท่านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่หายสักที
อาการปวดหลังของท่าน อาจทำให้ท่านเกิดมีอาการซึมเศร้า
และ อาการซึมเศร้าที่เกิด อาจมีผลกระทบต่อผลการรักษาอาการปวดหลัง
ทำให้อาการปวดหลังแปรสภาพเป็นอาการปวดเรื้อรังได้
ซึ่งในกรณีดังกล่าว แพทยืผู้เกี่ยวข้อง สามารถช่วยให้ท่านเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด
และ ควบคุมอาการเจ็บปวดของท่านได้
และยาต้านความเครียด (anti-depressants) อาจช่วยเหลือท่านได้
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องพยายามเลือกวีการอย่างอื่น ที่เหมาะสมสำหรบท่าน
เช่น:
§ การบีบนวด (Massage)
§ การดัดกระดูกสันหลัง (Spinal manipulation)
§ การฝังเข็ม (Acupuncture)
จากการรักษาดังกล่าว ถ้าหากอาการของท่านมีความรุนแรง หรือ หลังจากได้รับการรักษาแล้ว
เป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการยังไม่หาย...ท่านควรไปพบแพทย์เสีย
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องได้รับยาแก้ปวดที่แรงขึ้น หรือ ทำการรักษาด้วย “กายภาพบำบัด”
ในกรณีที่อาการปวดหลังของท่านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่หายสักที
อาการปวดหลังของท่าน อาจทำให้ท่านเกิดมีอาการซึมเศร้า
และ อาการซึมเศร้าที่เกิด อาจมีผลกระทบต่อผลการรักษาอาการปวดหลัง
ทำให้อาการปวดหลังแปรสภาพเป็นอาการปวดเรื้อรังได้
ซึ่งในกรณีดังกล่าว แพทยืผู้เกี่ยวข้อง สามารถช่วยให้ท่านเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด
และ ควบคุมอาการเจ็บปวดของท่านได้
และยาต้านความเครียด (anti-depressants) อาจช่วยเหลือท่านได้
เราจะป้องกันไม่ให้อาการปวดหลังเกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ?
อาหารปวดหลังที่เคยเกิดขึ้นกับท่าน อาจฟื้นกลับมาอีกครั้งได้
เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มีอะไรบางอย่างที่ท่านสามารถกระทำได้
เพื่อป้องกันไมให้มันกลับมาอีกครั้ง และ หากมันกลับมาอีกจริง
ท่านสามารถ ทำให้มันหายได้เร็วขึ้น
อาหารปวดหลังที่เคยเกิดขึ้นกับท่าน อาจฟื้นกลับมาอีกครั้งได้
เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มีอะไรบางอย่างที่ท่านสามารถกระทำได้
เพื่อป้องกันไมให้มันกลับมาอีกครั้ง และ หากมันกลับมาอีกจริง
ท่านสามารถ ทำให้มันหายได้เร็วขึ้น
เพื่อช่วยทำให้หลังของท่านแข็งแรง และหลีกเลี่ยงบาดเจ็บที่จะเกิดในอนาคต
สิ่งที่ท่านควรทำ ได้แก่:
§ ฝึกยื่น นั่ง หรือ เดิน ให้ร่างกายอยู่ในท่าตรง
§ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยานกับที่
และ ก่อนออกกำลังกาย ควรยืดเส้นสายก่อนเสม
§ สรวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
§ นอนในที่นอนที่ดีและเหมาะสม ไม่มีแรงเค้น-เครียดเกิดกับกระดูกสันหลัง
§ หลีกเลี่ยงจากการยกของหนัก หากจำเป็นต้องยกของหนัก
ท่านต้องหัดยกให้ถูกต้อง เช่น ยืนถ่างขาให้กว้างขึ้น
อย่ายื่นตัวออกไปทางด้านหน้า
ถ้าหากท่านต้องนั่ง หรือ ต้องยืนนานๆ ท่านต้อง:
§ ท่านต้องใส่ใจกับท่าทาง (posture) ด้วยการนั่ง ยืนตัวตรง
§ อย่างให้ไหล่ของท่านยื่นไปทางด้านหน้า
§ จงแน่ใจว่า โต๊ะนั่งของท่านจะต้องมีที่รองด้านหลัง
§ จงหยุดพัก สลับด้วยการเดินรอบๆ ห้อง
สิ่งที่ท่านควรทำ ได้แก่:
§ ฝึกยื่น นั่ง หรือ เดิน ให้ร่างกายอยู่ในท่าตรง
§ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยานกับที่
และ ก่อนออกกำลังกาย ควรยืดเส้นสายก่อนเสม
§ สรวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
§ นอนในที่นอนที่ดีและเหมาะสม ไม่มีแรงเค้น-เครียดเกิดกับกระดูกสันหลัง
§ หลีกเลี่ยงจากการยกของหนัก หากจำเป็นต้องยกของหนัก
ท่านต้องหัดยกให้ถูกต้อง เช่น ยืนถ่างขาให้กว้างขึ้น
อย่ายื่นตัวออกไปทางด้านหน้า
ถ้าหากท่านต้องนั่ง หรือ ต้องยืนนานๆ ท่านต้อง:
§ ท่านต้องใส่ใจกับท่าทาง (posture) ด้วยการนั่ง ยืนตัวตรง
§ อย่างให้ไหล่ของท่านยื่นไปทางด้านหน้า
§ จงแน่ใจว่า โต๊ะนั่งของท่านจะต้องมีที่รองด้านหลัง
§ จงหยุดพัก สลับด้วยการเดินรอบๆ ห้อง
ถ้าหากการทำงานของท่านต้องยื่นตัวออกไปทางด้านหน้า เพื่อจับ หรือ ยกของหนัก
สิ่งทีท่านจะต้องทำ:
§ เปลี่ยนงาน หรือ แจ้งให้ผู้รับผิดชอบกับหน่วยงาน ให้รู้ถึงอันตรายทึ่จะเกิดจาก
การทำงานดังกล่าว
§ อย่าได้พึ่งพา อุปกรณ์รัดเอว (back belt) เพื่อป้องกันหลังของท่าน
เพราะ ผลจากการศึกษา ชี้ให้เห็นว่า อุปกรณ์รัดเอว
ไม่ได้ลดความเสี่ยงจากการเกิดบาดเจ็บของปั้นเองเลย
มันเป็นเพียงเครื่องมือเตือนใจ ให้ท่านรู้วิธีการยกของหนักเท่านั้นเอง
สิ่งทีท่านจะต้องทำ:
§ เปลี่ยนงาน หรือ แจ้งให้ผู้รับผิดชอบกับหน่วยงาน ให้รู้ถึงอันตรายทึ่จะเกิดจาก
การทำงานดังกล่าว
§ อย่าได้พึ่งพา อุปกรณ์รัดเอว (back belt) เพื่อป้องกันหลังของท่าน
เพราะ ผลจากการศึกษา ชี้ให้เห็นว่า อุปกรณ์รัดเอว
ไม่ได้ลดความเสี่ยงจากการเกิดบาดเจ็บของปั้นเองเลย
มันเป็นเพียงเครื่องมือเตือนใจ ให้ท่านรู้วิธีการยกของหนักเท่านั้นเอง
http://www.webmd.com/back-pain/tc/low-back-pain-topic-overview?
ปัญหาปวดหลัง ปวดเอว นี่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นเป็นปัญหาที่มาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเราเลยครับ ยิ่งทำผิดท่าผิดทางบ่อยๆนี่มีโอกาสเดี้ยงได้ง่ายๆ เลยครับ ถ้าเพื่อนๆคิดว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานของเรามันยากไปหน่อย แนะนำให้ไปหาหมอเฉพาะทางเพื่อรักษาเลยครับ มันจะได้ช่วยลดพวกอาการสารพัดปวด ทั้งคอ บ่า เอว หลัง จุดพวกนี้นี่จุดยอดฮิตเลย ผมก็น่าจะเหมือนกับหลายๆคน นั่งทำงานหน้าคอมวันหนึ่งนี่ 10 ชม. ขึ้น ใช้อคมเยอะปวดแขน ลามไปถึงหลังเลย แล้วมันเป็นบ่อยด้วยเลยไม่ไหว ต้องไปหาหมอรักษาเลย ก็เลยหาใกล้ๆ ที่ทำงานเลย ผมทำงานย่านเลียบทางด่วน ขับรถผ่านคลินิกนี้ทุกวันก็เลยลองแวะเข้าไปดูซักหน่อย ชื่อคลินิกนะครับ Npain Clinic อยู่แถวๆเลียบทางด่วนรามอินทราครับไปไม่ยาก ใครไปไม่ถูกเข้าดูแผนที่เลย http://www.npainclinic.com/contactus.php ก็ไปรักษามาซักพักมันก็เริ่มดีขึ้นแฮะ ทั้งยาทาน ยาทา กายภาพด้วย ตอนนี้อาการปวดแขน เอสก็เริ่มลดลง แต่คุณหมอแนะนำว่าต้องปรับพฤติกรรมการทำงานร่วมด้วย ต้องพักบ้าง ผ่อนคลายบ้าง จะช่วยให้หายเร็วขึ้น ใครสนใจโทรถามเอาครับ 084 712 3711
ตอบลบ