วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปวดหลัง (low back pain): จะรักษาอย่างไร ?

 เราจะรักษาอย่างไร ?
อาการปวดหลังส่วนใหญ่  จะดีขึ้นได้ด้วยการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ซึ่งประกอบด้วย  การพักผ่อนสันวัน หรือ สองสามวัน  จากนั้นก็เริ่มต้นออกกำลังกายให้เร็วที่สุด 
รับทานยาแก้ปวดจากร้านขายยาทั่วไป (ถ้าจำเป็น)
เพียงการเดิน (walking) เป็นวิธีการง่ายที่สุด  และอาจเป็นวิธีการออกกังที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่เกิดมีอาการปวดหลัง  มันทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ  อยู่ในสภาพแข็งแรง
แพทย์ หรือ นักกายภาพบำบัด  สามารถให้คำแนะนำการออกกำลังกายเฉพาะบางอย่างให้แก่ท่าน 
เพื่อช่วยทำให้กล้ามเนื้อของหลังแข็งแรงขึ้น
การออกกำลังกายมีหลายอย่าง  ซึ่งเรียกว่า core stabilaization
ซึ่งได้แก่ การทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ของหลัง   แล้กล้ามเนื้อท้องแข็งแรงขึ้น  ทำให้การทรงตัวของท่านดีขึ้น
ทำให้ท่านรักษาความสมดุลยให้ดีขึ้น  และลดโอกาสของท่าน ไม่ให้เกิดบาดเจ็บขึ้นได้
นอกจากนั้น  ยังมีการรักษาอย่างอื่นๆ  ซึ่งอาจดีสำหรับบางคน  แต่อาจไม่ดีสำหรับรายอื่นๆ  
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องพยายามเลือกวีการอย่างอื่น  ที่เหมาะสมสำหรบท่าน
เช่น:

§  การบีบนวด (Massage)
§  การดัดกระดูกสันหลัง (Spinal manipulation)
§  การฝังเข็ม (Acupuncture)

จากการรักษาดังกล่าว  ถ้าหากอาการของท่านมีความรุนแรง  หรือ หลังจากได้รับการรักษาแล้ว
เป็นเวลา 2 สัปดาห์  อาการยังไม่หาย...ท่านควรไปพบแพทย์เสีย
ซึ่งท่านอาจจำเป็นต้องได้รับยาแก้ปวดที่แรงขึ้น  หรือ  ทำการรักษาด้วย “กายภาพบำบัด”

ในกรณีที่อาการปวดหลังของท่านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง  ไม่หายสักที
อาการปวดหลังของท่าน  อาจทำให้ท่านเกิดมีอาการซึมเศร้า
และ อาการซึมเศร้าที่เกิด  อาจมีผลกระทบต่อผลการรักษาอาการปวดหลัง 
ทำให้อาการปวดหลังแปรสภาพเป็นอาการปวดเรื้อรังได้
ซึ่งในกรณีดังกล่าว  แพทยืผู้เกี่ยวข้อง  สามารถช่วยให้ท่านเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด
และ ควบคุมอาการเจ็บปวดของท่านได้
และยาต้านความเครียด (anti-depressants) อาจช่วยเหลือท่านได้
เราจะป้องกันไม่ให้อาการปวดหลังเกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ? 

อาหารปวดหลังที่เคยเกิดขึ้นกับท่าน  อาจฟื้นกลับมาอีกครั้งได้
เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก  มีอะไรบางอย่างที่ท่านสามารถกระทำได้
เพื่อป้องกันไมให้มันกลับมาอีกครั้ง  และ หากมันกลับมาอีกจริง 
ท่านสามารถ  ทำให้มันหายได้เร็วขึ้น
เพื่อช่วยทำให้หลังของท่านแข็งแรง  และหลีกเลี่ยงบาดเจ็บที่จะเกิดในอนาคต
สิ่งที่ท่านควรทำ  ได้แก่:
§  ฝึกยื่น  นั่ง หรือ เดิน ให้ร่างกายอยู่ในท่าตรง
§  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  เช่น  การเดิน,  ว่ายน้ำ,  ปั่นจักรยานกับที่
และ  ก่อนออกกำลังกาย  ควรยืดเส้นสายก่อนเสม
§  สรวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
§  นอนในที่นอนที่ดีและเหมาะสม  ไม่มีแรงเค้น-เครียดเกิดกับกระดูกสันหลัง
§  หลีกเลี่ยงจากการยกของหนัก  หากจำเป็นต้องยกของหนัก 
ท่านต้องหัดยกให้ถูกต้อง  เช่น  ยืนถ่างขาให้กว้างขึ้น 
อย่ายื่นตัวออกไปทางด้านหน้า

ถ้าหากท่านต้องนั่ง  หรือ ต้องยืนนานๆ   ท่านต้อง:

§  ท่านต้องใส่ใจกับท่าทาง (posture) ด้วยการนั่ง  ยืนตัวตรง
§  อย่างให้ไหล่ของท่านยื่นไปทางด้านหน้า
§  จงแน่ใจว่า  โต๊ะนั่งของท่านจะต้องมีที่รองด้านหลัง
§  จงหยุดพัก  สลับด้วยการเดินรอบๆ ห้อง

ถ้าหากการทำงานของท่านต้องยื่นตัวออกไปทางด้านหน้า  เพื่อจับ  หรือ ยกของหนัก
สิ่งทีท่านจะต้องทำ:

§  เปลี่ยนงาน  หรือ แจ้งให้ผู้รับผิดชอบกับหน่วยงาน  ให้รู้ถึงอันตรายทึ่จะเกิดจาก
การทำงานดังกล่าว
§ อย่าได้พึ่งพา อุปกรณ์รัดเอว (back belt) เพื่อป้องกันหลังของท่าน
เพราะ ผลจากการศึกษา  ชี้ให้เห็นว่า  อุปกรณ์รัดเอว 
ไม่ได้ลดความเสี่ยงจากการเกิดบาดเจ็บของปั้นเองเลย
มันเป็นเพียงเครื่องมือเตือนใจ  ให้ท่านรู้วิธีการยกของหนักเท่านั้นเอง

http://www.webmd.com/back-pain/tc/low-back-pain-topic-overview?Further Reading:

1 ความคิดเห็น:

  1. ปัญหาปวดหลัง ปวดเอว นี่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นเป็นปัญหาที่มาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเราเลยครับ ยิ่งทำผิดท่าผิดทางบ่อยๆนี่มีโอกาสเดี้ยงได้ง่ายๆ เลยครับ ถ้าเพื่อนๆคิดว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานของเรามันยากไปหน่อย แนะนำให้ไปหาหมอเฉพาะทางเพื่อรักษาเลยครับ มันจะได้ช่วยลดพวกอาการสารพัดปวด ทั้งคอ บ่า เอว หลัง จุดพวกนี้นี่จุดยอดฮิตเลย ผมก็น่าจะเหมือนกับหลายๆคน นั่งทำงานหน้าคอมวันหนึ่งนี่ 10 ชม. ขึ้น ใช้อคมเยอะปวดแขน ลามไปถึงหลังเลย แล้วมันเป็นบ่อยด้วยเลยไม่ไหว ต้องไปหาหมอรักษาเลย ก็เลยหาใกล้ๆ ที่ทำงานเลย ผมทำงานย่านเลียบทางด่วน ขับรถผ่านคลินิกนี้ทุกวันก็เลยลองแวะเข้าไปดูซักหน่อย ชื่อคลินิกนะครับ Npain Clinic อยู่แถวๆเลียบทางด่วนรามอินทราครับไปไม่ยาก ใครไปไม่ถูกเข้าดูแผนที่เลย http://www.npainclinic.com/contactus.php ก็ไปรักษามาซักพักมันก็เริ่มดีขึ้นแฮะ ทั้งยาทาน ยาทา กายภาพด้วย ตอนนี้อาการปวดแขน เอสก็เริ่มลดลง แต่คุณหมอแนะนำว่าต้องปรับพฤติกรรมการทำงานร่วมด้วย ต้องพักบ้าง ผ่อนคลายบ้าง จะช่วยให้หายเร็วขึ้น ใครสนใจโทรถามเอาครับ 084 712 3711

    ตอบลบ