วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Minimally Invasive Treatments for BPH


ในสมัยก่อน  กรรมวิธี ที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต  (BPH)
ซึ่งมีชื่อว่า  Transurethral prostatectomy ซึ่งถือว่า  เป็นวิธีการรักษามาตรฐาน 
สำหรับรักษาต่อมลูหมากโต   ซึ่งกระทำได้ด้วยการสอดอุปกรณ์ผ่าตัด  ผ่านทางท่อปัสสาวะชาย 
เข้าไปตัดเอาเนื้อของต่อมลูกหมาก  ส่วนที่ยื่นออกมาอุดทางเดินปัสสาวะออกทิ้งไปนั้น 
ปรากฏว่า  มีปัญหาหลังการผ่าตัดพอสมควร  เช่น เลือดออก หละมีปัญหาด้านความรู้สึกทางเพศเสียไป
เพื่อเอาชนะปัญหาดังกล่าว  ได้มีการพัฒนาวิธีการรักษาที่ดีขึ้น  ด้วยวิธีการที่ทำให้คนไข้ 
ได้รับบาดเจ็บน้อยลง(minimal invasive alternatives)  ซึ่งมีสองวิธี  ที่เราควรทราบเอาไว้ คือ):

o Transurthral needle ablation (TUNA)
oTransurethral microwave thermotherapy (TUMT)  

ทั้งสองวิธีการได้รับความนิยมสูงมาก  เพราะ  นอกจากจะทำให้อาการที่เกิดจากต่อมลูกหมากโตหายไปแล้ว
ผลข้างเคียงก็ลดลงด้วย  เช่น  ภาวะเลือดออก,   และความต้องการทางเพศไม่เสียไป  เหมือนกับการรักษที่
ได้รับจากการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานเดิม- transurethral prostatectomy 

ทั้งสองวิธีการ  ที่พัฒนาขึ้น  เป็นการใช้ความร้อนด้วยกันทังสองวิธี
ใน  TUNA  ต่อมลูกหมากจะถูกทำลายโดยพลังงาน  ที่ถูกปล่อยความร้อนของวิทยุจากปลายเข็มเล็ก 
ทีเสียบเข้าเข้าไปในต่อมลูกหมาก  ซึ่งติดไว้ปลายสายสวน catheter  ที่สอดเข้าทางท่อปัสสาวะ

ส่วน  TUMT จะใช้ความร้อนจาก  Microwave energy  โดยการผ่านทางสายยาง  catheter  
ซึ่งสอดผ่านทางท่อปัสสาวะ  แล้วปล่อยความร้อนทำลายเนื้อเยื้อของต่อมลูกหมาก
การรักษาด้วยวิธี  TUNA และ  TUMT จะทำให้เกิดบาดเจ็บต่อคนไข้ได้น้อยกว่า
การรักษาด้วยวิธี  transurethral prostateectomy (TURP)  ซึ่งมีการตัดเอาเนื้อของต่อมลูกหมากออกทิ้ง 
ส่วนการรักษาด้วยวิธี   TUNA & TUMT  ไม่ต้องตัดเอาเนื้อเยื้อของต่อม  แต่เป็นการทำลายด้วยพลังความร้อนเท่านั้น

หลังการรักษาด้วยวิธี  TUNA & TUMT เมื่อหมดฤทธิ์ยาชา  คนไข้สามารถกลับบ้านได้
ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานไม่นาน  ประมาณหนึ่งชั่วโมง  คนไข้ก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว
คนไข้อาจมีอาการเจ็บปวด  ซึ่งสามารถลดอาการลงได้ด้วยยาแก้ปวดธรรมดา(พาราเซต...)
และควรดื่มน้ำให้มาก   เป็นการชะล้างกระเพาะปัสสาวะ  เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีก้อนเลือดเกิดขึ้นได้

นอกจากนั้น  คนไข้อาจมีความรู้สึกละคายเคืองที่บริเวณท่อปัสสาวะ  ทำให้ปัสสาวะลำบาก
อาจจำเป็นต้องคาสายยางสวนปัสสาวะไว้  เพื่อป้องกันไม่ใหมีปัสสาวะถูกกักเก็บ(urinary retension)
ในกระเพาะปัสสาวะ

Days and Weeks Afterward
ระยะเวลา.ในการคาสายสวนปัสสาวะ  ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง
ในการรักษาด้วยวิธี  TUNA  ซึ่งใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุ  (LOW ENERGY RADIO WAVE) 
จะใช้เวลาคาสายสวนปัสสาวะประมาณ 1 – 5 วัน  ซึ่งสั้นกว่าการรักษาด้วยความร้อน
จากmicrowave (2-14 วันน)

และสำหรับรายที่มีต่อมลูกหมากขนาดเล็กกว่า  เวลาในการคาสายสวนปัสสาวะ 
ย่อมสั้นกว่ารายที่ต่อมลูกหมากขนาดโตกว่า  แพทย์ผู้รักษา  อาจแนะนำวิธีการ
เอาสายสวนออก  หรือ นัดให้ไปพบเพื่อเอาสายสวนออกทีหลัง
โดยทั่วไป  คนไข้สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติได้  ภายหลังอาสาวสวนปัสสาวะออกแล้ว
ในขณะที่มีสายสวนคาอยู่ ในแกระเพาะปัสสาวะ  ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก
หรือออกกำลังกายที่หนักเกินไป

ภาวะแทรกซ้อนทีอาจเกิดขึ้นได้
การรักษาด้วยวิธี  TUNA & TUMT  เป็นวิธีที่ทำให้คนไข้ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด  ซึ่งน้อยกว่าวิธี  TURP 
แม้ว่า  ทั้วสองวิธี  จะมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าก็ตาม 
แต่   การรักษาด้วยวิทั้งสอง  มันยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอยู่ดี  เช่น:
·       ปัสสาวะลำบาก  หรือ ปัสสาวะเจ็บแสบ  อาการเหล่านี้  จะเกิดขึ้นในวันแรกๆ
·       หลังจากเอาสายสวนออก  แต่อาการจะดีขึ้นภายในหนึ่ง ถึง สองอาทิตย์ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น  ท่านต้องปรึกษาแพทย์
·       มีเลือดออกในปัสสาวะ  ถ้าเลือดที่ออกมาอาจไม่มาก   อาจทำให้มีอาการสีชมพูเรือๆ  
ซึ่งอาจทำให้คนไข้เครียดได้บ้าง   เป็นเพียงสองสามวันอาการก็หายไป  แต่หากมีเลือดออกมาก 
อาจเกิดมีก้อนเลือดอุดตันทางเดินปัสสาวะได้    ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น   อาจไม่พ้นมือของแพทย์ให้ช่วยแก้ไขให้
·       การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ  การอักเสบที่เกิด  มักเป็นผลมาจากการใส่
สายยาสวนคาไว้ในท่อปัสสาวะ  ยิ่งสวนคาสายสวนไว้นาน  ย่อมมีโอกาสเกิดการอักเสบได้สูง  กรณีดังกล่าว 
ท่านอาจจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ
·       ปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะ (urinary retension)  
มีคนไข้จำนวนไม่มาก  ที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต   เมื่อเอาสายสวนออก  คนไข้ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้เอง 
ซึ่งอาจจำเป็นต้องใส่สายสวนไว้นานหน่อย 
·       สมรรถภาพทางเพศเสียไป  โดยทั่วไป  จะพบว่าอุบัติการณ์ที่ทำให้เกิดความเสื่อมทางเพศ 
ทีเกิดจากวิธีการรักษาแบบ  TUNA  และ TUMT  เกิดได้น้อยมาก  เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธี  TURP 
อย่างไรก็ตาม  ชายที่ได้รับการรักษาต่อมลูหมากโต  ด้วยวิธี  TUNA  หรือ  TUMT
อาจทำให้เกิดภาวะอีกอย่างหนึ่ง  คือ น้ำเชื้อของชายพุ่งย้อนกลับเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ไม่ออกทางด้านอวัยวะเพศ
จากการศึกษาต่างๆ  ชี้ให้เห็นว่า  ทั้งวิธีสองวิธี ไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางด้านกิจกรรมดานเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด
·       เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง  หรือ มีไข้สูง  อาจเกิดการอักเสบขึ้น
หากเกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น  ท่านต้องพบแพทย์

When Will BPH Urinary Symptoms Improve?
ในการรักษาต่อมลูกหมากด้วยวิธี  TUNA และTUMT พบว่า  หลังการรักษา  อาการจะไม่ดีขึ้นทันที 
และ มันจะมีอาการเลวลงไปหลายวัน   ต่อจากนั้น  อาการค่อยๆ ดีขึ้น

ตามความเป็นจริง  ท่านอาจสังเกตุเห็นว่า  อาการของต่อมลูกหมากโตอาจไม่ดีขึ้นภายในสอง ถึงแปดอาทิตย์ได้ 
สาเหตุที่ทำให้อาการดีได้ช้า  เพราะมันต้องใช้เวลา  ให้ร่างกายกำจัดเอาเนื้อที่ตายจากการรักษาด้วยความร้อนออกทิ้งไป

การรักษาด้วยวิธี  TUNA  และ  TUMT  
ท่านจะได้รับประโยชน์จากการรักษาได้อย่าเต็มที่ภายใน 3-6 เดือน
อย่างไรก็ตาม  อาการของต่อมลูกหมากโต  หลังการรักษา ใช่ว่าอาการจะหายไปโดยไม่กลับเป็นอีกเสียเมือไหร่ 
จากสถิติรายงานว่า  สองปีหลังการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว   ประมาณ 20 %  ของคนไข้ที่ได้รีบการรักษา
จะมีอาการของต่อมลูกหมากกลับคืนมา  และ จะได้รับการรักษาด้วยวิธี  TUNA   หรือ  TUMT  ซ้ำ
และ เมื่อเวลาผ่านไปได้ 5 ปี  อัตราการเกิดอาการขึ้นใหมจะสูงขึ้น 33 %

นั้น  คือ แนวทางการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (BPH)  ที่พวกเราที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต
ควรทราบเอาไว้   เมื่อจำเป็นต้องได้รับการรักษา  ก็ลองถามแพทย์ผู้ทำการรักษาดู
อาจเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย
 
Johnshopkinshealthaleart.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น