ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า
ยารักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สามารถรักษาอาการของต่อมล^กหมากโตก็ได้...
เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว...
Viagra เป็นตัวแรกในกลุ่ม PDE-5 inhibitors
ที่ถูกนำมาใช้ในคนทีมีปัญหาของชายที่ปัญหาด้านเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
หรือ เราเรียกว่า erectile dysfunction (ED)
มันเป็นยาที่ผลิตออกมาเพื่อช่วยเหลือชาย ที่มีปัญหาด้านสอวัยวะเพศไม่ยอมแข็งตัว...
ให้มันแข็งตัวขึ้นได้ หลังจากนั้น ก็มียาอีกสองตัวสองผลิตขึ้นมา
เช่น Cialis (Tadalfil) และ levitra (vardenafil)
ก็ได้รับการยอมรับจากองค์การอหาหารและยาของสหรัฐฯ...
พอเวลาผ่านไป นักวิจัยทั้งหลายได้พบว่าว่า ยาเหล่านั้น
มันทำงานมากกว่ากระตุ้นให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวเท่านั้น
จากการศึกษาในคน โดยทำการพิจารณาว่า ยาที่ใช้รักษาคนมีปัญหาด้าน
“อวัยวะเพศไม่แข็งตัว” พบว่า ยายังสามารถช่วยเป็นโรคสมองถูกทำลายจาก
การขาดเลือด (stroke) ด้วยการทำให้คนไข้สามารถเคลื่อนไหว และพูดดีขึ้น,
ทำให้ความจำดีขึ้น , ทำให้การเรียนรู้ของคนมีความเสื่อมดีขึ้น,
ช่วยทำคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจวายสามารถออกกำลังกาย ด้วยการใช้ออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น
และ ช่วยให้คนที่เคยอยู่ในสภาพอ่อนแอดีขึ้น
นอกเหนือจากนี้ มียังมีแนวโน้มในการใช้ยาดังกล่าว ( ED drugs)
ทำการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (BPH) ได้ดีขึ้น
ผลจากการประชุม Annual Scientific Meeting of the American
Urological Association ในชิคาโก รายงานไว้ว่า:
การใช้ยา Cialis อาจช่วยทำให้กลุ่มอาการที่เกิดจากทางเดินปัสสาวะระดับล่าง
ของคนที่เป็นโรค ต่อมลูกหมากโต (BPH) ได้
โดยการซุ่มจากตัวอย่างของชายจำนวน 200 คน แบ่งเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มหนึ่งให้รับทาน Cialis 20 mg วันละครั้ง อีกกลุ่มหนึ่งให้รับทานยาหลอก (placebo)
ผลปรากฏว่า ในกลุ่มคนที่รับทานยา Cialis จะทำให้อาการต่างต่อไปนีดีขึ้น:
• urinary flow rate
• peak flow rate
• bladder capacity
• post-void residual volume and bladder voiding efficiency
ผลที่ได้จากการศึกษา พบว่า ในกลุ่มที่ได้รับทานยา Cialis ปรากฏว่า
อาการที่เกิดจากการอุดตันจะลดลง ส่วนคนที่ไม่ได้รับยา...จะพบว่าอาการจากอุดตันเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานชี้บ่งให้ทราบว่า ยาในกลุ่ม PDE-5 inhibitors เช่น
Cialis นอกจากจะมีผลดีต่อการรักษาภาวะความเสื่อมทางอวัยวะเพศแล้ว (ED)
มันยังม่ส่วนช่วยรักษาอาการทางกระเพราะปัสสาวะ (bladder outlet syndrome)
ได้อีกด้วย
Johns Hopkins Health aleart.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น