วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Hereditary mutation(4)

 
พันธุกรรมกลายพันธุ์
มันเกิดขึ้นได้เมื่อมีพันธุกรรมกลายพันธุ์ และเราได้ถ่ายทอดพันธุกรรมที่บกพร่องนั้นสู่ลูก
การกลายพันธุ์ของยีน  จะปรากฏในยีนของ  “ไข่” ของผู้เป็นแม่  หรือใน “สเปิร์ม”  ของผุ้เป็นพ่อ 
เมื่อมีการผสมกันขึ้น  จะมีการรวมตัวของยีนกลายพันธุ์ในตัวอ่อน (fetus)
เนื่องจากการกลายพันธุ์  ได้ปรากฏมีความบกพร่องตั้งแต่แรกแล้ว 
ดังนั้นจึงปรากฏพบในทุกเซลล์ของผู้เป็นลูก  รวมทั้งปรากฏในเซลล์ที่ทำหน้าที่เจริญพันธุ์ (ไข่ และ สเปิร์ม) 
นั่นย่อมหมายความว่า  พันธุกรรมกลายพันธุ์ดังกล่าว  จะมีการถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลานไม่มีที่สิ้นสุด 
บางที่เราเรียกการกลายพันธุ์ชนิดนี้ว่า  Germline mutations
ความผิดปกติในยีน  แบบพันธุกรรมกลายพันธุ์นี้  สามารถพบได้ประมาณ 5 – 10 % ของมะเร็งทั้งหมด
 คนบางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดมะเร็ง  ด้วยเหตุที่ตนเองได้รับยีนที่กลายพันธุ์จากผู้เป็นพ่อ-แม่
Acquired  mutations
มะเร็งส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นกัน  เป็นมะเร็งที่เกิดจากการที่ DNA ของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง (mutations)
ในขณะที่เราดำเนินชีวิตตามปกติ  ไม่ได้ถ่ายทอดมาจากไหน...
มันเกิดขึ้นเอง  ดังนั้น  เขาจึงเรียกว่า  acquired (ได้รับ) 
บางที่เขาเรียกว่า  sporadic (ประปราย) หรือ somatic (ร่างกาย) mutations
การกลายพันธุ์ชนิดนี้  เป็นผลมาจากสิ่งที่อยู่ภายนอกร่างกาย เช่น  ได้รับสารรังสี  หรือสารพิษจาก
สิ่งแวดล้อมรอบตัว
แต่ตามความเป็นจริง  ใน acquired mutations  เราจะไม่พบสาเหตุที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์
ดังนั้น  มันจึงมีความแตกต่างจากพันธุกรรมกลายพันธุ์  ตรงที่การกลายพันธุ์ที่ได้มา (acquired)นั้น 
มีการเปลี่ยนแปลงที่เซลล์ตัวเดียว  และจะเป็นเซลล์รุ่นลูกของมัน (offspring) เท่านั้น
ซึ่งเราจะไม่พบในทุกเซลล์ของร่างกาย  ทั้งนี้เพราะมันไม่ได้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ 
ดังนั้น  จึงไม่สามารถผ่านจากรุ่น (generation) สู่รุ่นได้
ตามความเป็นจริง  การเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์  หรือการกลายพันธุ์จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
โดยทั่วไป  เซลล์มันสามารถตรวจเช็คความผิดปกติ  ที่เกิดขึ้นภายในตัวของมัน
และสามารถซ่อมแซมตัวของมันเองได้...
ในกรณีที่มันไม่สามารถซ่อมแซมตัวมันได้  มันจะถ่ายทอดคำสั่งให้เซลล์ตาย 
โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  Apoptosis
ถ้าเซลล์ไม่ตาย  และเซลล์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไป (mutations) 
และไม่ได้รับการซ่อมแซมตามที่มันควรจะเป็น  มันอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งขึ้น  ซึ่งมันจะเกิดเป็นเช่นนั้น 
เมื่อมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นกับ “ยีน”  ที่ทำหน้าหน้าที่เกี่ยวกับการแบ่งตัวของเซลล์
หรือเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่   ทำให้เซลล์ที่เสียให้มันตายไป
ในปัจจุบันนี้  นักวิทยาศาสตร์ต่างมีความเชื่อว่า  ในการเกิดมะเร็งขึ้นมานั้น  จำเป็นต้องมีกระบวนการ
เปลี่ยนแปลง หรือการกลายพันธุ์(mutations)  มากกว่าหนึ่งกระบวนการขึ้นไป
ส่วนใหญ่แล้ว  จะมีการกลายพันธุ์หลายกระบวนการด้วยกัน
แม้แต่ในพันธุกรรมกลายพันธุ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน  กล่าวคือ  จะต้องมีการกลายพันธุ์มากกว่าหนึ่งเสมอ 
จึงจะทำให้เกิดมะเร็งขึ้น
ในการกลายพันธุ์ (mutations) ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เรามีชีวิต  ซึ่งมีชื่อว่า acquired mutations นั้น  จำเป็น
จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่มันจะมีส่วนในพันธุกรรมพันธุ์กลายพันธุ์
หรือก่อนที่จะมี การถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้  คน ๆ นั้นจะต้องได้รับการกลายพันธุ์ในขณะที่มีชีวิตอยู่
(acquired  mutations) ก่อน
สำหรับคนที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ (mutation)  จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
อย่างน้อย 2 กระบวนการเลี่ยนแปลง (mutations) ภายในยีนเดิมเสียก่อน  ก่อนที่จะมีการเกิดเป็นมะเร็งขึ้น

>> cont.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น