“ Cancer therapies of surgery, chemotherapy and radiation therapy
do not work against the disease.
And the people should instead choose a variety of a dietary strategies”
เป็นข้อความของผู้ไม่บอกชื่อ (anonymosus authors) และอ้างตนว่าเป็น Johns Hopkins Update
ซึ่งเป็นชื่อของสำนัก ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเทียบขั้นกับสำนักตักสิลา..
ดังนั้น ถ้าใครได้อ่านข้อความดังกล่าวแล้วไม่เชื่อ... เห็นจะเป็นเรื่องแปลกมาก
แต่ความเชื่อทั้งหลายที่เคยมีมา ต้องมาเปลี่ยนไป เมื่อเจ้าสำนักตัวจริง Johns Hopkins Kimmel cancer center
ได้ออกมาปฏิเสธความดังกล่าว พร้อมกับเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ได้รับทราบกัน....
ผู้เขียนรู้ตัวว่า ตกเป็นเหยื่อของสื่อชนิดนี้มานานพอสมควร จึงบันทึกไว้ให้เพื่อนฝูงได้อ่านกัน
“การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีทางศัลยกรรมก็ดี ฉายแสงก็ดี และเคมีบำบัด ไม่สามารถรักษาคนไข้ที่เป็นมะเร็งได้หรอก
มันต้องรักษาด้วยการรับประทานอาหารในรูปแบบต่าง ๆ...”
นั่นเป็นคำกล่าวของกลุ่มไร้ชื่อ (anonumous authors) ทีอ้างอิงสถาบันของคนอื่นเขา
ตามความเป็นจริงแล้ว การรักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง ที่ทั่วโลกเขายังปฏิบัติกันอยู่ตลอดมาจนกระทั้งทุกวันนี้
เช่น การผ่าตัด (Surgery) การฉายแสง( Radiation) และ เคมีบำบัด (chemical therapy)
ยังเป็นกรรมวิธีใช้รักษาคนไข้โรคมะเร็ง ที่ได้ผลเป็นที่พอใจ พร้อมกับมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
เป็นวิธีการรักษา ที่ทำให้คนไข้นับล้าน ๆ หายจากโรค และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้ (สหรัฐฯ)
ซึ่งเป็นชื่อของสำนัก ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเทียบขั้นกับสำนักตักสิลา..
ดังนั้น ถ้าใครได้อ่านข้อความดังกล่าวแล้วไม่เชื่อ... เห็นจะเป็นเรื่องแปลกมาก
แต่ความเชื่อทั้งหลายที่เคยมีมา ต้องมาเปลี่ยนไป เมื่อเจ้าสำนักตัวจริง Johns Hopkins Kimmel cancer center
ได้ออกมาปฏิเสธความดังกล่าว พร้อมกับเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ได้รับทราบกัน....
ผู้เขียนรู้ตัวว่า ตกเป็นเหยื่อของสื่อชนิดนี้มานานพอสมควร จึงบันทึกไว้ให้เพื่อนฝูงได้อ่านกัน
“การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีทางศัลยกรรมก็ดี ฉายแสงก็ดี และเคมีบำบัด ไม่สามารถรักษาคนไข้ที่เป็นมะเร็งได้หรอก
มันต้องรักษาด้วยการรับประทานอาหารในรูปแบบต่าง ๆ...”
นั่นเป็นคำกล่าวของกลุ่มไร้ชื่อ (anonumous authors) ทีอ้างอิงสถาบันของคนอื่นเขา
ตามความเป็นจริงแล้ว การรักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง ที่ทั่วโลกเขายังปฏิบัติกันอยู่ตลอดมาจนกระทั้งทุกวันนี้
เช่น การผ่าตัด (Surgery) การฉายแสง( Radiation) และ เคมีบำบัด (chemical therapy)
ยังเป็นกรรมวิธีใช้รักษาคนไข้โรคมะเร็ง ที่ได้ผลเป็นที่พอใจ พร้อมกับมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
เป็นวิธีการรักษา ที่ทำให้คนไข้นับล้าน ๆ หายจากโรค และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้ (สหรัฐฯ)
จริงอยู่...ในการรักษาโรคมะเร็งด้วยกรรมวิธีดังกล่าว บางรายไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
บางรายเริ่มต้นได้ผลดี แต่ต่อมากลับไม่ได้ผล
หรือบางราย ยากต่อการรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทย์เขากำลังศึกษากันต่อไป
อีกข้อความหนึ่ง-
บางรายเริ่มต้นได้ผลดี แต่ต่อมากลับไม่ได้ผล
หรือบางราย ยากต่อการรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทย์เขากำลังศึกษากันต่อไป
อีกข้อความหนึ่ง-
“ Cancer cell cannot thrive in an oxygenated environment, exercising daily ,
and deep beathing help to get more oxegen down to cellular level.
Oxygen therapy is another means employed to destroy cancer cell.”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ American cancer society ได้กล่าวสรุปว่า
การรักษาด้วยออกซิเจน (Oxygen therapy) ไม่มีประโยชน์ต่อการป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งเลย
เพราะจากหลักฐานกล่าวว่า เคยมีการให้สารเคมี
ซึ่งสามารถปล่อยออกซิเจนออกมา (oxygen-releasing chemicals)
ไม่สามารถป้องกัน หรือรักษามะเร็งได้
แต่มีรายงานว่า สารดังกล่าวก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตอีกต่างหาก
กล่าวโดยสรุป จากการได้อ่านข้องความของกลุ่มบุคคลไร้ชื่อ ซึ่งผู้เขียนบทความเกี่ยวกับมะเร็ง
โดยอ้างสถาบันของคนอื่น ( Johns Hopkins Cancer update )
จนทำให้เจ้าของถาบัน (Johns Hopkins Kimmel cancer center) ออกมาปฏิเสธ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ว่า เราตกอยู่ใต้อิทธิพลของสื่อ....
และจากการเรียนรู้ข้อเท็จบางอย่าง ทำให้เราทราบว่า
“ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวนั้น แท้จริงแล้ว มันเป็นภาพจำลองของจริง
มีปรากฏในตัวของเราทุกคน ...”
ทำให้นึกถึงคำสอนของพระสงฆ์องค์เจ้า ว่า ทำไมท่านถึงบอกให้เรามองลงไปที่ตัวเอง อย่ามองนอกกาย...
ที่แท้ มันเป็นเช่นนี้เอง
http://www.hopkinsmedicine.org/kimmel_cancer_center/news_events/featured/cancer_update_email_it_is_a_hoax.html
การรักษาด้วยออกซิเจน (Oxygen therapy) ไม่มีประโยชน์ต่อการป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งเลย
เพราะจากหลักฐานกล่าวว่า เคยมีการให้สารเคมี
ซึ่งสามารถปล่อยออกซิเจนออกมา (oxygen-releasing chemicals)
ไม่สามารถป้องกัน หรือรักษามะเร็งได้
แต่มีรายงานว่า สารดังกล่าวก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตอีกต่างหาก
กล่าวโดยสรุป จากการได้อ่านข้องความของกลุ่มบุคคลไร้ชื่อ ซึ่งผู้เขียนบทความเกี่ยวกับมะเร็ง
โดยอ้างสถาบันของคนอื่น ( Johns Hopkins Cancer update )
จนทำให้เจ้าของถาบัน (Johns Hopkins Kimmel cancer center) ออกมาปฏิเสธ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ว่า เราตกอยู่ใต้อิทธิพลของสื่อ....
และจากการเรียนรู้ข้อเท็จบางอย่าง ทำให้เราทราบว่า
“ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวนั้น แท้จริงแล้ว มันเป็นภาพจำลองของจริง
มีปรากฏในตัวของเราทุกคน ...”
ทำให้นึกถึงคำสอนของพระสงฆ์องค์เจ้า ว่า ทำไมท่านถึงบอกให้เรามองลงไปที่ตัวเอง อย่ามองนอกกาย...
ที่แท้ มันเป็นเช่นนี้เอง
http://www.hopkinsmedicine.org/kimmel_cancer_center/news_events/featured/cancer_update_email_it_is_a_hoax.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น