วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Prostatic cancer: (4) Diagnosis

ในการตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากนั้น 
แพทย์สามารถตรวจพบได้  ด้วยการตรวจต่อมลูกหมาก   และการตรวจดูระดับ PSA
ซึ่งเราเรียกวิธการตรวจดังกล่าวเป็นการตรวจคัดกรอง (screening test)
สำหรับตรวจดูมะเร็งต่อมลูกหมาก
บางคนอาจไม่เห็นด้วยกับการตรวจในคนที่ไม่มีอาการ  แต่หลายคนเห็นว่า 
เป็นการตรวจที่มีประโยชน์ในชายคนอายุสูงขึ้น  หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
การตรวจคัดกรอง (screening tests) ที่นำมาใช้ในการตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมาก  ได้แก่

Digital rectal examination(DRE):

การตรวจ DRE   แพทย์จะสรวมถุงมือตรวจต่อมลูกหมาก  โดยใช้นิ้วชี้สอดผ่านทวารหนัก 
แพทย์สามารถสามารถตรวจขนาด  ความนุ่มแข็ง  และรูปร่างของต่อมได้ว่า ผิดปกติหรือไม่ 
หากพบว่า  ต่อมลูกหมากผิดปรกติไป  แพทย์สามารถตรวจอย่างอื่นต่อไป

o   Blood tests: 
การตรวจเลือดหาระดับของสาร Prostatic specific antigen (PSA)
สาร PSA เป็นสารที่ถูกสร้างโดยต่อมลูกหมาก  มีสาร PSA จำนวนมากในกระแสเลือด  เป็นจำนวนไม่มาก
หากเมื่อใด  พบว่าปริมาณของสาร PSA สูงกว่าปกติ  ย่อมหมายความว่า
มีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับต่อมลูกหมาก  เช่น  ต่อมลูกหมากเกดอักเสบขึ้นโตขึ้น  (benign prostatic hypertrophy)
หรือ  ต่อมลูกหมากกลายเป็นมะเร็ง  อย่างใดอย่างหนึ่ง 

ในคนที่มีต่อมลูกหมากโต (BPH)  จะมีค่าของ PSA สูงได้กว่าปกติเล็กน้อย 
ส่วนคนที่เป็นมะเร็งต่อมลุหมาก จะพบว่า  ระดับของ PSA จะสูงกว่าปกติมากเมื่อมีความสงสัยเกิดขึ้น 
แพทย์จะทำการตรวจอย่างอื่นต่อไป

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก (Diagnosis Prostate cancer)
ถ้าผลจากการตรวจ DRE และ PSA ผิดปกติ  แพทย์จะแนะนำให้ทำการตรวจอย่างอื่นต่อไป 
เพื่อยืนยัน หรือสนับการเป็นมะเร็งหรือไม่ เช่น

o    Imaging studies: 

เป็นการตรวจดูรายละเอียดของเนื้อเยื้อต่าง ๆ หรืออวัยยะต่าง ๆ อวัยวะต่าง ๆ
ด้วยการดูภาพของอวัยวะนั้น   เช่น   X-rays ,  Ultrasound,  CT scans,  MRI  หรือ Bone scans.
การตรวจเหล่านี้  สามารถบ่งบอก  ขนาดของมะเร็ง  สภาวะการแพร่กระจายไปที่อวัยวะอย่างอื่นได้

การตรวจด้วย Transrectal ultrasound  เป็นวิธีการตรวจเพื่อแสดงภาพของโรค (imaging studies) อย่างเดียวเท่านั้น 
ที่สามารถตรวดดูมะเร็งของต่อมลูกหมากได้
ซึ่งแพทย์กระทำได้กระทำด้วยการสอด ท่อขนาดเล็ก (probe )เข้าทางทวารหนักไปยังบริเวณต่อมลูกหมาก 
แล้วตรวจดูภาพของต่อมลูกหมาก

ขณะเดียวกัน  แพทย์สามารถตัดเอาชิ้นเนื้อออกตรวจดูด้วยกล้อง...ได้
การตัดเราชิ้นเนื้อมาตรวจ  เป็นวิธีที่ยืนยันว่า  คนไข้รายนั้นเป็นมะเร็งหรือไม่
สามารถบ่งบอกเกรด (grade) ของมะเร็งได้  ด้วยการดูลักษณะของเซลล์มะเร็ง  เปรียบเทียบกับเซลล์ปกติ 

ความแตกต่างในรูปร่างของเซลล์มะเร็ง  กับเซลล์ปกติ  ยิ่งมีความแตกต่างมากเท่าใด  มันบ่งบอกให้ทราบถึงความร้ายแรงของมะเร็ง (aggressive)  และมีแนวโน้มที่จะกระจาย (spreading)ไปที่อื่นได้เร็วขึ้น  
 เครื่องมือ (scale) ที่นำมาใช้พิจารณา grade ของมะเร็ง  คือ Gleason score 
ซึ่งมีค่าจาก 2 ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่ร้ายแรง (non aggressive)   ถึง  10  ซึ่งบ่งบอกถึงความร้ายแรงที่สุด (aggressive)

การตรวจหาการแพร่กระจายของโรค
(Determine how far the cancer has spread)

เมื่อมีการวินิจฉัยว่า  คนไข้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว
ขั้นตอนต่อไปที่แพทย์จะต้องตรวจต่อไป  คือตรวจหา ระยะของโรค (stage) 
มีคนไข้หลายรายปฏิเสธการตรวจเพิ่มเติมด้วยเหตุผลส่วนตัว  แต่แพทย์อาจต้องตรวจเพิ่ม
เมื่อเกิดความสงสัยว่า  มะเร็งอาจมีการแพร่กระจายเกิดขึ้น 
 แพทย์จำเป็นต้องให้คนไข้ได้รับการตรวจ

o   Bone scans
o   Ultrasound
o   Coputerized tomography (CT scan)
o   Magnetic resonance Imaging (MRI)

เมื่อได้ผลตรวจตามที่ต้องการ  แพทย์จะทำการประเมินว่า  มะเร็งที่เกิดขึ้นนั้น  อยู่ในระยะใด (stage) 
ซึ่งแพทย์จะนำมาพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

Staging and grading of prostatic cancer
โดยแบ่งง่ายๆ เพื่อความเข้าใจของคนทั่วไปได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้

ระยะ (stage)   I:     พบเซลล์มะเร็งอยู่ในต่อมลกหมากเท่านั้น
ระยะ (stage) II:      พบมะเร็งมีขนาดโตกว่าขนาดในระยะที่ I
                                               และเซลล์มะเร็งยังอยู่ในต่อม ลูกหมาก
ระยะ (stage)III:     มะเร็งกระจายออกนอกต่อมลูกหมาก  แต่ไม่อยู่ไกล้อวัยวะใด
ระยะ(stage) IV:    มะเร็งกระจายออกนอกต่อมลูกหมาก  ไปไกล้อวัยวะต่าง ๆ  ต่อมน้ำเหลือง            
                                  และส่วนที่อยู่ไกลจากจุดเริ่มต้น  

          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น