Jun 2013
Distribution
ภายหลังการดูดซึมของยา
และเข้าสู่กระแสโลหิต...
มันจะกระจายไปยังส่วนต่างๆ
ของเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ
ทั่วร่างกาย
ซึ่งการกระจายตัวของยาในคนสูงอายุ จะมีความ
แตกต่างจากของคนหนุ่มแน่นทั้งหลายได้อย่างมาก
ความแตกต่างดังกล่าว
จะสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ในส่วนประกอบของร่างกาย
ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดในคนสูงวัย
ซึ่งเราจะพบว่า
น้ำหนักตัวของคนสูงวัยจะลดลง มวลกล้ามเนื้อ
จะลดลง
และจะมีไขมันเพิ่มขึ้น....
จากกรณีดังกล่าว
ยาที่กระจายในกล้ามเนื้อ เช่นพวก digoxin
จะลดลง
ส่วนพวกที่ละลายในไขมัน (fat soluble)
เช่น
diazepam
จะค่อนข้างกระจายในร่างกายเพิ่มมากขึ้น
นอกจากการเปลี่ยนแปลงในส่วนประกอบของร่างกายแล้ว
จำนวนน้ำของร่างกายโดยรวม
(total
body water) จะลด
ลง ปริมาณของ serum albumin
concentration จะลดลง
และมีการเพิ่ม
α1-acid
glycoprotein
การเปลี่ยนแปลงในปริมาณของน้ำในร่างกาย
จะมีผลกระทบ
กับยาทีละลายในน้ำ
(water
soluble) เช่น lithium
การมีระดับของ
serum
albumin concentration ลดลง จะมี
บทบาทสำคัญสำหรับยาที่เป็นกรด
(acidic
drugs)
ซึ่งมันจะจับตัวกับ
serum
albumin ส่วนยาที่เป็นยาที่เป็น
ด่าง
(basic
drug) จะจับตัวกับ α1 -acid
glycoprotein
ในขณะที่
serum
albumin concentration ลดลง จะ
ทำให้ระดับของยาที่ไม่จับตัวกับโปรตีน
(free
fration)
เพิ่มขึ้น และเป็นตัวที่ออกฤทธิ์
ยกตัวอย่าง...
ในคนที่มีระดับของ
serum
albumin 4.4 mg/dL
เมื่อกินยา
phenytoin
จะพบว่า ส่วนของ phenytoin ที่ไม่จับ
ตัวกับ
albumin
10 %
แต่หากระดับของ
serum
albumin ลดลงเหลือ 2.2 mg/dL
จะทำให้
phenytoin
ที่ไม่จับตัวกับโปรตีนเพิ่มเป็น 20 %
ซึ่งหมายความว่า
การให้ยาในคนที่มี serum
albumin ลดต่ำ
ลงเหลือ
2
mg/dL จะทำให้ฤทธิ์ของยาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
โดยทั่วไป
เราจะพบว่า น้ำหนักตัวของคนสูงอายุจะลดลง
ซึ่งมวลของกล้ามเนื้อตลอดร่างกายจะลดลงไป
และในขณะเดียวกันจะพบว่าปริมาณของไขมันที่สะสมใน
ร่างกายจะเพิ่มมากขึ้น
ผลที่ตามมา
จะพบว่า ยาที่กระจายตัวตามกล้ามเนื้อ
ของคนสูงวัย
เช่น digoxin จะลดลงไป
ส่วนยาที่ละลายในไขมัน
(fat
soluble drug)
เช่น
diazepam
จะมีการกระจายตัวในร่างกายเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น
ยังพบว่า ปริมาณของน้ำในร่างกายของคนแก่จะลดลง
และความเข็มข้นของ serum
albumin ลดลงด้วย
สำหรับยาที่ละลายในน้ำ
(water
soluble drugs)
เช่น
lithium
จะทำให้การกระจายตัว (distribution) ในคนสูงอายุลดลง
ภายใต้ภาวะที่กระแสเลือดมี
albumin
ลดลง...
จะพบว่า
ภาวะดังกล่าวมีผลกระทบต่อยาที่เป็นกรด (acidic drugs)
ซึ่งจะจับตัวกับสารโปรตีนตัวดังกล่าวได้สูงมาก
ในขณะความเข็มข้นของ
albumin
ในกระแสเลือดลดลง
จะทำให้ส่วนของยาที่ไม่จับตัว
(free
or unbound drugs)
จะพบเพิ่มขึ้น
ดังนั้น
เมื่อยาที่อยู่เลือด (bound + unbound drugs)มีระดับความ
เข็มข้นลดลง
จะทำให้ปฏิกิริยาของยาเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนของตัวยาที่เป็นอิสระ
(unbound
drug) ไม่จับตัว
กับโปรตีนเพิ่มขึ้น
จากความเป็นจริงดังกล่าว...
เราจึงต้องมีการปรับขนาดของยา ทั้งนี้เพราะการตรวจดูความเข็มข้นของยา
ในกระแสเลือด
จะเป็นการตรวจหาความเข็มข้นของยาโดยรวม
(total
concentration) ซึ่งมีทั้ง
bound
และ unbound drugs
แต่ยาที่เป็นอิสระ
ไม่เกาะตัวกับโปรตีนเท่านั้นที่จะเป็นตัวออกฤทธิ์
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น...
ให้ดูการใช้ยา
phenyltoin
เมื่อคนไข้รับประทานยาตัวดังกล่าว
ส่วนที่เป็นอิสระไม่จับตัวกับโปรตีน
(albumin)
มีเพียง 10 % เมื่อ
Albumin
ในเลือดมีค่า 4.4 mg/dL
และยา phenyltoin ที่เป็นส่วนอิสระ (unbound) จะเพิ่มขึ้นเป็น
20
% เมื่อระดับของ serum albumin ลดต่ำลงถึงระดับ
2.0 mg/dL
ซึ่งหมายความว่า
การให้ยาในคนที่มี serum
albumin ลดต่ำ
ลงเหลือ
2
mg/dL จะทำให้ฤทธิ์ของยาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เมื่อการกระจายตัวของยาลดลง
การให้ยาในขนาดตอนเริ่มต้น
จะต้องน้อยลง และกึ่งอายุ (half-life) ของยาจะสั้นลงด้วย
ถ้าเราไม่ทำการปรับขนาดของยาในตอนเริ่มต้น
เพื่อเป็นการตอบสนองต่อ
การกระจายตัวของยาที่ลดลง
จะทำให้ความเข็มข้นของยาเพิ่มขึ้น
เป็นเหตุให้คนไข้เกิดความเสี่ยงต่อพิษของยาได้
ในทางกลับกัน
เมื่อยากระจายตัวเพิ่มขึ้น
เราจำเป็นต้องเริ่มให้ยา
ในขนาดที่สูงขึ้น
เพื่อให้ได้ระดับความเข็มข้นของยาในกระแส
เลือด และกึ่งชีวิตของยายาวขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในกึ่งชีวิตของยาบางตัว
จะกระทบกับการให้ยาว่า
จะต้องให้ถี่แค่ใด โดยทั่วไป ยาที่มีกึ่งชีวิตยาว
จะต้องให้น้อยครั้ง
เพราะผลของยาจะอยู่ในร่างกายยาวนาน
ส่วนยาที่มีกึ่งชีวิตสั้น
(short
half-life), ระยะเวลาการออกฤทธิ์จะสั้น
และยาในกลุ่มนี้จำเป็นต้องให้บ่อยครั้ง
<< Prev Next >> Metabolism
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น