ได้กล่าวมาก่อนแล้วว่า...เราไม่สามารถบอกว่า ท่านติดเชื้อเอชไอวี
จนกว่าเราจะได้ทำการตรวจ HIV test เสียก่อน
การตรวจ HIV test ที่ใช้กันบ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ คือการตรวจ HIV antiboldy tests:
ซึงได้แก่ ELISA antibodly test หรืออีกเชื่อเรียก EIA (enzyme immunoassay)
ถือเป็นการตรวจอย่างแรกสุด ที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง
บางครั้งเราเรียกว่า 3rd generation tests
ในการตรวจ HIV antibody test เป็นการตรวจหา”ภูมิคุ้มกัน” (antibodies)
ซึ่งเป็นโปรตีน ซึ่งถ ูกสร้างขึ้นมา เพื่อต่อสู่กับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
โดยเราสามารถตรวจพบได้ในเลือด, น้ำลาย, หรือปัสสาวะ
ถ้าเราตรวจพบ HIV antibody จากตัวของท่าน
ย่อมหมายความว่า ท่านได้ติดเชื้อ “เอชไอวี” เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
และมีข้อยกเว้นสองประการ ที่ควรทราบ คือ:
o ทารกทีกำเนิดจากแม่ที่ติดเชื้อ “เอชไอวี” จะมีภูมิคุ้มกันจากแม่
นานถึง 18 เดือน ซึ่งหมายความว่า ผลการตรวจ HIV antibody
test ในเด็กจะได้ผลเป็น “บวก” ทั้งๆ ที่ภายในตัวเด็กจะไม่มี
เชื้อเอชไอวีเลย....
o ใคนที่ได้รับวัคซีน (HIV vaccine trials) ในโครงการทดลอง
สำหรับต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี...ผลการตรวจ HIV antibody test
อาจได้ผลป็น “บวก” ได้ โดยที่ตัวของเขาไม่ได้ติดเชื้อดังกล่าว
เลย
คนส่วนใหญ่จะตรวจพบ HIV antibodies ได้ภายใน 6 – 12 อาทิตย์ หลังการ
ติดเชื้อ “เอชไอวี” มีเพียงน้อยราย (very rare) สามารถตรวจพบภูมิคุ้มกัน
ได้เมื่อเวลาผ่านไปได้ 6 เดือน ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นได้ช้า...
โดยเป็นผลมาจากความบกพร่องในระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง
และหลังจาก 6 เดือนผ่านไปแล้ว...
ไม่น่าจะตรวจพบ HIV antibody
ช่วงเวลาหลังการติดเชื้อกแล้วยังไม่สามารถตรวจพบ “antibody” เรา
เรียกว่า window period สำหรับ antibody test
โดยมีการประมาณการเอาไว้ถึง 3 เดือน
หลังการสัมผัสกับเชื้อเอชไอวีผ่านไปได้ 3 เดือนแล้ว พบว่าผลการตรวจ
HIV antibody test ยังได้ผลเป็น “ลบ” เขาไม่น่าติดเชื้อเอชไอวี
และหาก 6 เดือนผ่านไป แล้วตรวจไม่พบ HIV antibody ย่อมหมายความ
ว่า เขาไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ” “เอชไอวี”
ซึ่งหมายความว่า เขาไม่ได้ติดเชื้อ “เอชไอวี” นั่นเอง
การตรวจหา antibody สำหรับเชื้อเอชไอวี (HIV antibody test)...
จะให้ผลที่แม่นยำมาก และมีโอกาสตรวจได้ผล “ลบ” ได้น้อยมาก ๆ
โดยจะมีผลเป็น “บวก” ในเวลาต่อมา
และในคนที่ตรวจพบผลเป็น“บวก” จะได้รับการตรวจเพื่อยืนยัน (confirmatory test)
เช่น:
o A Western blot assay – เป็นการตรวจที่นับว่าเก่าแก่ที่สุด และ
ได้ผลแม่นยำที่สุดในการยืนยันผล antibody test
o An indirect immunofluorescence assay – เป็นการตรวจคล้ายกับ
Weatern blot test แต่ใช้กล้องตรวจหา HIV antibodies
o A line immunoassay – เป็นการตรวจที่ใช้ในกลุ่ม Europe ลดโอกาส
ปนเปือนของตัวอย่างที่เอามาตรวจ มีความแม่นยำเทียบเท่า Western blot test
o A second antibody test -
เมื่อมีการใช้การตรวจสองอย่างตามที่กล่าว....โอกาสที่จะผิดพลาดมีได้น้อย
มาก (< 0.1 %)
<< PREV NEXT >> What is HIV Antiretroviral drug treatment
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น