Nov. 19,201
ภาวะสมองถูกทำลายจากกระแสเลือดอุดตัน เรียก stroke ...
จัดเป็นเหตุการณ์ที่นำสู่ความพิการทางร่างกาย
ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านความจำ, ด้านความคิด , การเคลื่อนไหว และการพูดจา
แม้ว่าจะเป็นโรคที่น่ากลัว แต่เราสามารถป้องกันได้
ด้วยวิธีการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว
สิ่งที่ท่าน และแพทย์ของท่านต้องกระทำร่วมกัน
คือตรวจให้รู้ว่า ตัวของท่านมีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง
เมื่อทราบ....ท่านต้องลงมือปฏิบัติ จัดการควบคุมปัจจัยเหล่า
นั้นทันที เช่น:
ความดันโลหิตสูง (hypertension)...
จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสุดตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสมองถูกทำลาย
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ท่านสามารถควบคุมได้
(ไม่เหมือนปัจจัยตัวอื่นๆ ที่เราไม่สามารถควบควบได้
เช่น อายุ, เชื้อชาติ และพันธุกรรม)
เช่น อายุ, เชื้อชาติ และพันธุกรรม)
ในการควบคุมความความดันโลหิตสูง...
ท่านอาจต้องรับประทานยา"ลดความดัน" ทุกวันตามแพทย์สั่ง
จากการศึกษาพบว่า มันสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย
ได้ถึง 42 %
ได้ถึง 42 %
ในการวัดความดันโลหิต...
ถ้าเลขตัวบน (systolic) มีค่าระหว่าง 120 – 139 หรือเลขตัวล่าง (diastolic)
มีค่าระหว่าง 80 - 89 แพทย์เขาจะบอกว่า ความดันของท่านไม่ปกติ
แต่กำลังจะกลายเป็นโรคความดันโลหิตสูง (pre-hypertension)
ซึ่งในกรณีเช่นนี้ ท่านจำเป็นต้องกระทำทุกวิถีทาง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นโรคความดัน (hypertension) ให้ได้
ซึ่งท่านสามารถกระทำได้โดย:
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นโรคความดัน (hypertension) ให้ได้
ซึ่งท่านสามารถกระทำได้โดย:
§ ลดน้ำหนักตัว ให้อยู่ในระดับปกติ จากรายงานกล่าวว่า
เพียงท่านลดได้เพียงเล็กน้อยก็สามารถลดระดับความดันลงได้
เพียงท่านลดได้เพียงเล็กน้อยก็สามารถลดระดับความดันลงได้
§ ออกกำลังกาย
§ ลดความเค็ม (salt intake) ในอาหารลง
§ รับประทานพวกผัก และผลไม้สด และผักสดให้มาก (ทุกวัน)
ภายหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าปรากฏว่าความดันโลหิตยังมีระดับสูง
โดยตัวเลขตัวบน (systolic) สูงเกิน 140 หรือ เลขตัวล่างสูงกว่า 90
ในกรณีเช่นนี้ แพทย์จะสั่งยาลดความดันหนึ่งตัว หรือสองตัวให้แก่ท่าน
ซึ่งท่านจะต้องรับประทานทุกวัน เลิกไม่ได้ (จนกกว่าแพทย์จะสั่งเป็นอย่างอื่น)
ถ้าท่านเคยมีประวัติกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลายจากการขาดเลือด
มันจะทำให้ปัจจัยเสียงของท่านต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke)
ได้สูงกว่าคนปกติประมาณ 1 % ถึง 2 %
ได้สูงกว่าคนปกติประมาณ 1 % ถึง 2 %
และปัจจัยเสี่ยงตัวเดียวกันที่ทำให้เกิด heart attack
เช่น ความดันโลหิตสูง และคราบไขมันที่รวมตัวตามผนังเส้นเลือดแดง
ยังสามารถทำให้เกิด stroke ได้เช่นกัน
โดยมีโอกาสเกิดได้สูงในช่วงสองสามอาทิตย์หลังเกิด heart attack
แต่ถ้าท่านสามารถลดระดับ cholesterol ลงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนอาหาร
หรือใช้ยาลดไขมัน (cholesterol-lowering drugs)
เช่น ยากลุ่ม statins ย่อมสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทำลายลงได้
หรือใช้ยาลดไขมัน (cholesterol-lowering drugs)
เช่น ยากลุ่ม statins ย่อมสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทำลายลงได้
ภาวะหัวเต้นผิดปกติชนิดที่เรียกว่า atrial fibrillation (AF)…
ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้สูง
ภายภาวะ AF กล้ามเนื้อของหัวใจสองห้องบนมีการบีบตัวที่ผิดปกติ
(โดยผิดปกติทั้งจังหวะ และมีอัตราการเต้นที่เร็วมาก)
ซึ่งเราสามารถตรวจพบ (คลำ) ชีพจรที่เต้นไม่สม่ำเสมอได้
และ...ท่านมีอาจรู้สึกวิงเวียนได้
และ...ท่านมีอาจรู้สึกวิงเวียนได้
ถ้าท่านเป็น AF จะทำให้มีก้อนเลือดเกิดภายในห้องหัวใจห้องบนซ้าย
ซึ่งเป็นบริเวณที่กระแสเลือดไหลเวียนได้ช้า
และเมื่อก้อนเลือดหลุดออกจากผนังของหัวใจห้องบน
หลุดลอยไปตามกระแสเลือด หากเข้าสู่สมอง
สามารถทำให้สมองถูกทำลาย (stroke) ได้
หลุดลอยไปตามกระแสเลือด หากเข้าสู่สมอง
สามารถทำให้สมองถูกทำลาย (stroke) ได้
การให้ยาต้านการสร้างก้อนเลือด (anticoagulant)
หรือเรียกว่า blood thinners เช่น warfarin (Coumadin)
สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ในคนไข้
ที่หัวใจของเขาเป็นโรค atrial fibrillation ได้
หรือเรียกว่า blood thinners เช่น warfarin (Coumadin)
สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ในคนไข้
ที่หัวใจของเขาเป็นโรค atrial fibrillation ได้
NEXT >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น