11/24/1/
Continued…
การใช้ยาป้องกันการจับตัวเป็นก้อนเลือด...
เป็นที่ทราบกันว่า ภาวะสมองถูกทำลาย (stroke
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการมีก้อนเลือดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
แล้วเกิดการหลุดลอยไปตามกระแสเลือด...สู่เส้นเลือดสมองและเมือสิ้นเลือดถูกอุดตันย่อมทำให้สมองถูกทำลายไป
ในการป้องกันไม่ให้เกิดมีก้อนเลือดเกิดขึ้น...
เรามียาซึ่งสามารถป้องกันไม่มีก้อนเลือดเกิดขึ้น ด้วยการใช้ยาต้านการสร้าง
ก้อนเลือด (anticoagulant) เช่น warfarin (Coumadin) หรือยาต้านการจับตัว
ของเกล็ดเลือด เช่น aspirin, clopidogrel, หรือ Ticlopidine
ในคนไข้ที่เป็นโรค atrial fibrillation ...
คนไข้ควรได้รับยาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น warfarin หรือ aspirin
โดยที่ยา warfarin สามารถป้องกันไม่ให้เกิด stroke ได้
แต่มันทำให้เกิดมีความเสี่ยงต่อการเกิดมีเลือดออก (bleeding) ได้
อันพึงเกิดจากการใช้ยาดังกล่าว
โดยทั่วไป คนที่หัวใจเป็น atrial fibrillation...
ถ้าคนไข้รายนั้นมีประวัติว่าเคยเกิดมี heart attack มาก่อน เขาจะมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้สูง
นอกจากนั้น หากพบมีปัจจัยเสี่ยงสาม เช่น สูงอายุ, ความดันโลหิตสูง
Warfarin (Coumadin) จะลดความเสี่ยงในคนไข้ที่เป็น AF ต่อการเกิด stroke
โดยยาดังกล่าว สามารถป้องกันไม่ให้เกิด stroke ได้ถึง 70 %
ในคนไข้บางรายที่เป็น AF แพทย์อาจใช้ aspirin แทนยา warfarin ได้
(แต่ใช้กันไม่บ่อยนัก)
สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว...
ซึ่งเป็นบริเวณเลือดไหลเวียนได้ช้า เพราะหัวใจไม่สามารถปั้มเลือดได้ดี
เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดเข้าสู่กระแสเลือด และเข้าสู่สมอง...
ในคนไข้ชนิดนี้ ควรได้รับยา warfarin เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิด stroke
สำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิด stroke…
ก็เพียงพอต่อการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทำลายได้
ยา aspirin หรือยา anti-platelet...
จะทำหน้าที่ป้องกันการสร้างก้อนเลือดในระยะแรก
ถ้าหากคนไข้ได้รับ aspirin แล้ว ยังปรากฏว่า
รับประทานอาหารสุขภาพ
อาหารมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้เท่าๆ กับมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack)
คำแนะนำต่อไปนี้ สามารถขัดขวางปัจจัยเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทลายได้
เช่น:
§ รับประทานผัก และผลไม้:
ผลจากการับประทานผลไม้ และผักสมารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการทำลายสมอง
ในผู้หญิงได้ 7 % และในชายได้ 4 %
§ หลีกเลี่ยงจากไขมันเลว:
ไขมันเลวได้แก่ saturated fat และ transfats ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถเพิ่มระดับ
cholesterol ซึ่งจะนำไปสู่การมีคราบไขมันในผนังเส้นเลือดแดงของสมอง และหัวใจ
อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม, เนื้อ และสัตว์ปีก, coconut oil…Transfats จะพบในอาหารประเภททอด (fried-food) และอาหารสำเร็จรูป (hydrogenated หรือ partial hydrogenated vegetable oil)
§ ลดปริมาณแคลอรี่ลง:
การลดแคลอรี่ลงจะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวในระดับปกติได้
ซึ่งสามารถป้องกันโรคเบาหวาน...ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้
§ ตัดเกลือลง:
การมีเกลือในร่างกายสูง สามารถทำให้ความดันโลหิตสูงได้
และการตัดปริมาณเกลือจากอาหารสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้
§ รับประทานอาหารประเภทปลา:
จากรายงานได้แสดงให้เห็นว่า การรบประทานปลาสี่ครั้งต่ออาทิตย์สามารถลดความเสี่ยงจาก
การเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้
ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
การดื่มแอลกอฮอล์แต่น้อย ถึงพอประมาณ (ผู้ชายสองแก้ว และผุ้หญิงหนึ่งแก้ว)
จะมีผลในทางปกป้องไม่ให้เกิดภาวะสมองถกทำลาย (stroke) ชนิดที่พบบ่อยได้
แต่หากดื่มมากไป จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้
การออกกำลังกาย:
เขาแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยความเข็มข้นพอประมาณ เช่น การเดินเร็ว,
เลิกสูบบุหรี่:
สามารถทำให้เส้นเลือดแดงตีบแคบ หรืออุดตันได้
ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสมองถูกทำลาย
สาร “nicotine” จากบุหรี่ จะเพิ่มระดับความดันโลหิตให้สูงขึ้น และcarbon
นอกจากนั้น ส่วนประกอบ...ของบุหรี่ จะเพิ่มแนวโน้มให้เลือดจับตัวเป็นก้อน
และบุหรี่ ยังมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ, สมองถูกทำลาย และมะเร็ง....
นั่นคือเหตุที่ว่า เราควรเลิกสูบบุหรี่ให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น