วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Stroke Prevention Guidelines 2

11/24/1/


Continued…


การใช้ยาป้องกันการจับตัวเป็นก้อนเลือด...

เป็นที่ทราบกันว่า  ภาวะสมองถูกทำลาย (stroke

ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการมีก้อนเลือดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

แล้วเกิดการหลุดลอยไปตามกระแสเลือด...สู่เส้นเลือดสมอง
และเมือสิ้นเลือดถูกอุดตันย่อมทำให้สมองถูกทำลายไป

ในการป้องกันไม่ให้เกิดมีก้อนเลือดเกิดขึ้น...
เรามียาซึ่งสามารถป้องกันไม่มีก้อนเลือดเกิดขึ้น  ด้วยการใช้ยาต้านการสร้าง
ก้อนเลือด (anticoagulant) เช่น warfarin (Coumadin) หรือยาต้านการจับตัว
ของเกล็ดเลือด เช่น  aspirin, clopidogrel, หรือ Ticlopidine
ทั้งนี้ขึ้นกับว่า  สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองถูกทำลายคืออะไร ?

ในคนไข้ที่เป็นโรค atrial fibrillation ...                                                 
ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด (persistent หรือ recurrent) 
คนไข้ควรได้รับยาอย่างใดอย่างหนึ่ง  เช่น warfarin หรือ aspirin 
โดยที่ยา warfarin สามารถป้องกันไม่ให้เกิด stroke  ได้ 
แต่มันทำให้เกิดมีความเสี่ยงต่อการเกิดมีเลือดออก (bleeding) ได้
ดังนั้น ก่อนให้ยาดังกล่าว  คนไข้ควรได้รับการประเมินถึงึงผลดี และผลเสีย
อันพึงเกิดจากการใช้ยาดังกล่าว

โดยทั่วไป  คนที่หัวใจเป็น atrial fibrillation...
ถ้าคนไข้รายนั้นมีประวัติว่าเคยเกิดมี heart attack มาก่อน  เขาจะมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้สูง

นอกจากนั้น หากพบมีปัจจัยเสี่ยงสาม  เช่น สูงอายุ ความดันโลหิตสูง
และหัวใจโตเพิ่มขึ้นอีก  ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองถูกทำลายได้มากขึ้น

Warfarin (Coumadin) จะลดความเสี่ยงในคนไข้ที่เป็น AF ต่อการเกิด stroke
โดยยาดังกล่าว  สามารถป้องกันไม่ให้เกิด stroke ได้ถึง 70 %

ในคนไข้บางรายที่เป็น AF  แพทย์อาจใช้ aspirin แทนยา warfarin ได้
โดยเรามักจะใช้ aspirin ในรายที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิด stroke
หรือใช้ในรายที่คนไข้ไม่สามารถใช้ warfarin ได้อย่างปลอดภัย
บางคนอาจมีการใช้ warfarin  ร่วมกับ aspirin
(แต่ใช้กันไม่บ่อยนัก)

สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว...
ก้อนเลือดสามารถเกิดในหัวใจห้องล่างซ้าย 
ซึ่งเป็นบริเวณเลือดไหลเวียนได้ช้า เพราะหัวใจไม่สามารถปั้มเลือดได้ดี 
เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดเข้าสู่กระแสเลือด  และเข้าสู่สมอง... 
ในคนไข้ชนิดนี้  ควรได้รับยา warfarin เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิด stroke

สำหรับคนส่วนใหญ่  ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิด stroke…
การใช้ยาป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด  เช่น aspirin
ก็เพียงพอต่อการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทำลายได้

ยา aspirin หรือยา anti-platelet...
จะทำหน้าที่ป้องกันการสร้างก้อนเลือดในระยะแรก
โดยใช้ยาในขนาด 81 mg และ 325 mg ต่อวันเพื่อป้องกันภาวะ
สมองถูกทำลายจากการขาดเลือด (stroke)

ถ้าหากคนไข้ได้รับ aspirin แล้ว  ยังปรากฏว่า 
คนไข้เกิดภาวะ min-stroke (transientIschemic attack หรือ TIA)
แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาอีกตัว  เช่น  clopidogrel, Ticlopidine หรือ
ให้ยาร่วมระหว่าง dipyridamole และ aspirin
นอกจากนั้น  แพทย์อาจสั่งให้ใช้ warfarin….

รับประทานอาหารสุขภาพ
อาหารมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้เท่าๆ  กับมีความเสี่ยง
ต่อการเกิดภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack)

คำแนะนำต่อไปนี้  สามารถขัดขวางปัจจัยเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะสมองถูกทลายได้
เช่น:

§  รับประทานผัก และผลไม้:
ผลจากการับประทานผลไม้ และผักสมารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการทำลายสมอง
ในผู้หญิงได้ 7 % และในชายได้ 4 %

§  หลีกเลี่ยงจากไขมันเลว:
ไขมันเลวได้แก่ saturated fat และ transfats  ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถเพิ่มระดับ
cholesterol ซึ่งจะนำไปสู่การมีคราบไขมันในผนังเส้นเลือดแดงของสมอง และหัวใจ

อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม, เนื้อ และสัตว์ปีก, coconut oil…Transfats  จะพบในอาหารประเภททอด (fried-food)  และอาหารสำเร็จรูป (hydrogenated หรือ partial hydrogenated  vegetable oil)

§  ลดปริมาณแคลอรี่ลง:
การลดแคลอรี่ลงจะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวในระดับปกติได้
ซึ่งสามารถป้องกันโรคเบาหวาน...ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้

§  ตัดเกลือลง:
การมีเกลือในร่างกายสูง  สามารถทำให้ความดันโลหิตสูงได้ 
และการตัดปริมาณเกลือจากอาหารสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้

§  รับประทานอาหารประเภทปลา:
จากรายงานได้แสดงให้เห็นว่า  การรบประทานปลาสี่ครั้งต่ออาทิตย์สามารถลดความเสี่ยงจาก
การเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้

ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
การดื่มแอลกอฮอล์แต่น้อย  ถึงพอประมาณ (ผู้ชายสองแก้ว  และผุ้หญิงหนึ่งแก้ว)
จะมีผลในทางปกป้องไม่ให้เกิดภาวะสมองถกทำลาย (stroke) ชนิดที่พบบ่อยได้
แต่หากดื่มมากไป  จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถูกทำลายได้

การออกกำลังกาย:
การออกกำลังกาย  จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลงได้
และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิด
ภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้ถึง 20 %

เขาแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยความเข็มข้นพอประมาณ  เช่น การเดินเร็ว,
ปั่นจักรยาน  หรือว่ายน้ำ  อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 
เกือบทุกวันในหนึ่งอาทิตย์

เลิกสูบบุหรี่:
การสูบบุหรี่สามารถนำไปสู่ภาวการณ์อุดตันของหลอดเลือดแดง (carotid)
ซึ่งเป็นเส้นเลือดสำสมอง  และการมีคราบไขมัน cholesterol  ในผนังเส้นเลือด
สามารถทำให้เส้นเลือดแดงตีบแคบ หรืออุดตันได้ 
ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสมองถูกทำลาย

สาร “nicotine” จากบุหรี่  จะเพิ่มระดับความดันโลหิตให้สูงขึ้น  และcarbon
monoxide ในควันบุหรี่จะลดระดับออกซิเจนในกระแสโลหิตลง

นอกจากนั้น  ส่วนประกอบ...ของบุหรี่  จะเพิ่มแนวโน้มให้เลือดจับตัวเป็นก้อน
และบุหรี่   ยังมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ สมองถูกทำลาย และมะเร็ง....
นั่นคือเหตุที่ว่า  เราควรเลิกสูบบุหรี่ให้ได้

<< BACK       

        http://www.intelihealth.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น