วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ความดันโลหิตสูง: ยารักษา 1


March 7,2013
ในอดีต  มีแพทย์จำนวนไม่น้อยมีความลังเลที่จะให้ยาลดความดันโลหิต
จนกว่าความดันโลหิตของคนไข้จะสูงถึง 160/100  เสียก่อน  ซึ่งพวก
เขามีความเห็นว่า  คนเมื่ออายุมากแล้ว...ความดันโลหิตที่สูงเกิน 140/90 
มันก็เป็นเรื่องปกติ   ไม่ต้องไปสนใจให้เสียเวลา   

แนวคิดดังกล่าว...
เป็นความเข้าใจผิดโดยสินเชิง  เพราะผลจากการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่า
เมื่อคนเรามีความดันโลหิตสูงขึ้นถึงระดับ 140/90 mm/ Hg  
ซึ่งเป็นความดันโลหิตสูงระยะที่ 1 ก็สมควรได้รับการรักษาแล้ว

ยิ่งคนที่เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคไตด้วยแล้ว...
แม้ว่าความดันโลหิตของเขาจะมีค่าเพียง 130/80 mm Hg 
แพทย์ยังต้องใช้ยาลดให้ต่ำลงให้มีมีค่าำตำ่กว่า 130/80

ในปัจจุบัน  เรามารถควบคุมความดันโลหิตด้วยยาขนาดต่ำ ๆ
โดยมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงมีได้น้อยมาก
ซึ่งอาจใช้ยาเพียงตัวเดียว หรือใช้ยาหลายตัวรวมกัน

ในปัจจุบิัน  เราจะพบว่า  มียาถูกผลิตขึ้นมาอย่างมากมาย
โดยยาเหล่านั้น  มีโครงสร้างทางเคมีที่แตกต่างจากยาเก่าไม่มากนัก
แต่สามารถทำปฏิกิริยาภายในร่างกายได้เกือบเหมือนกัน
ซึ่งแพทย์สามารถปรับยาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย  เพื่อควบคุมระดับความโลหิต
ได้โดยไม่ให้เกิดมีผลข้างเคียง  และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ 

นอกเหนือจากนั้น  มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้ยาเพียงตัว
เพื่อทำการลด-าความดันโลหิตสูง  ซึ่งเกิดร่วมกับโรคอย่างอื่น
เช่น  โรคหัวใจล้มเหลวได้

มีความจริงอย่างหนึ่งที่ทุกคนจะต้องทราบ  นั้นคือ  
ไม่มียาลดความดันโลหิตตัวใดเหนือกว่าตัวใด   และในการเลือกใช้ยา  
แพทย์จะพิจารณาเลือกยา   โดยยืนอยู่บนพื้นฐานของคนไข้เป็นหลัก

โดยทั่วไป  ในการใช้ยาลดความดันโลหิต เราจะเริ่มจากน้อยสุด
จากนั้นค่อยๆ เพิ่มขนาดของยา  จนกระทั้งความดันโลหิตลดลงสู่ระดับปกติ  
ถ้าหากคนไข้มีผลข้างเคียง (side effects) เกิดขึ้น
แพทย์จะเปลี่ยนยากลุ่มใหม่ให้....

โดยทั่วไป  แพทย์จะทำการรักษาความดันโลหิตสูง stage 1 (140-159/90-99)
ด้วยการให้ยาลดความดันเพียงตัวเดียว  
และเพิ่มยาตัวที่สอง (ต่างกลุ่ม)  เมื่อพบว่า  ระดับความดันยังไม่ลดลงสู่เป้าหมาย
(โดยให้ลดต่ำกว่า 140/90  หรือต่ำกว่า 130/80 ในคนที่เป็นเบาหวาน&โรคไต)
ซึ่งบางครั้ง  คนไข้อาจได้รับบาหลายขนานก่อนที่จะพบยาที่ที่ทำงานได้ดี

ในคนไข้ที่เป็นความดันโลหิตสูงระยะที่สอง  (stage 2 >160/>100 mm Hg)
แพทย์มักจะให้ยาลดความดันสองตัวร่วมกัน  และจะเพิ่มยาตัวที่สามให้แก่คนไข้
เมื่อไม่สามารถทำให้ความดันลดลงสู่เป้าหมายได้

ในการรักษาความดันโลหิตสูง ไม่ว่าจะอยู่นะระยะใด (stage 1 & 2)
หรือแม้กระทั้งคนที่เป็น pre-hypertension (>130/80 mm Hg) จะต้องมีการปรับเปลี่ยน
พฤติกรรม (การออกกำลังกาย และอาหาร)  โดยจัดเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา  
และยาที่ใช้ลดความดันโลหิตสูง  จะต้องได้รับอย่างเหมาะสม
หรือหากจำเป็น  อาจต้องเพิ่มยาให้แก่คนไข้ตามต้องการได้

ความจริงมีว่า...
ในสหรัฐฯ คนผู้ใหญ่ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง  ประมาณ 71 %
โดยไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง  และเป็นต้นเหตุไม่ได้รับการรักษา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น