Continued
α - Glucosidase
inhibitors
Acarbose เป็นเอ็นไซม์ alpha glucosidase inhibitor
มีผลด้วยการออกฤทธิ์ต่อระดับน้ำตาลหลังรับประทานอาหาร
และมีผลต่อระดับน้ำตาลในกระแสเลือดในขณะท้องว่างน้อย
ยา
Acarbose จัดเป็นยาที่ปลอดภัยเหมาะสำหรับใช้ในคนสูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน
แต่มันผลอันพึงประสงค์ทางกระเพาะและลำไส้
และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ควรเริ่มด้วยการใช้ยาในขนาดน้อย ๆ
สามารถลดอาการอันไม่พึงประสงค์ได้
Repaglinide
Repaglinide เป็นยารักษาโรคเบาหวาน ( insulinotropic antidiabetic)
ซึ่งออกฤทธิ์สั้น โดยทำหน้าที่เสริมการสร้าง “อินซูลิน”
จากตับอ่อน
เพื่อตอบสนองต่ออาหารที่คนไข้รับประทานเข้าไป
มันทำหน้าที่ควยคุมระดับน้ำตาลหลังอาหาร
เป็นยาที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
สำหรับคนสูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน...
สำหรับคนสูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน...
Thiazolidinediones (TZD)
ในปัจจุบันเรามียาในกลุ่ม
TZD จำนวน 3 ตัวด้วยกัน
ซึ่งได้แก่ troglitazone,
rosiglitazone และ pioglitazone
โดยยาตัวแรก (troglitazone) ถูกกำจัดออกไปเพราะทำให้เกิดพิษต่อตับ
ถึงขั้นเสียชีวิต
(hepatotoxicity) ส่วนที่เหลืออีกสองตัวยังไม่มีผลต่อการ
ทำให้เกิดพิษต่อตับ แต่ต้องระวังเมื่อใช้กับคนที่เป็นโรคตับ
ยากลุ่มนี้ถูกใช้เพียงขนานเดียว
หรือใช้ร่วมกับยากลุ่ม sulfonylureas, metformin, หรือ insulin
เพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2 ด้วยการออกฤทธิ์ทำให้ร่างกาย
มีความไวต่อ”อินซูลิน” รวมไปถึงการลดการสร้างน้ำตาล (gluconeogenesis) จากตับ
เพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2 ด้วยการออกฤทธิ์ทำให้ร่างกาย
มีความไวต่อ”อินซูลิน” รวมไปถึงการลดการสร้างน้ำตาล (gluconeogenesis) จากตับ
เนื่องจากยากลุ่ม
TZD ไม่ได้กระตุ้น
“เบต้าเซลล์” จากตับอ่อนให้ผลิตอินซูลิน
ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้จึงไม่ก่อให้เกิดภาวะ
hypoglycemia
จึงเหมาะที่จะใช้ในคนสูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน
การใช้ยากลุ่ม
TZD ในกลุ่มคนสูงอายุ
จะเหมือนกับคนหนุ่มที่เป็นโรคเบาหวาน
แต่ก่อนใช้ในคนสูงอายุ จำเป็นต้องประเมินการทำงานของหัวใจทุกราย
เพราะยากลุ่มดังกล่าว
สามารถก่อให้เกิดโรคหัวใจล้มเหลวในคนที่เป็นโรคหัวใจได้
และควรตรวจเอ็นไซม์ของตับ (liver enzymes) ทุกเดือน
และควรตรวจเอ็นไซม์ของตับ (liver enzymes) ทุกเดือน
โดยเฉพาะ
6 เดือนแรก
ต่อจากนั้นให้ตรวจทุก 2 เดือน ภายใน 6 เดือนต่อมา
และทำการตรวจทุก
3 – 6 เดือนหลังจากนั้น
Insulin
เราจะใช้
“อินซูลิน” ก็ต่อเมื่อเราไม่สามารถทำให้ระดับน้ำตาลลดลงสู้เป้าหมาย
โดยการรักษาด้วยการควบคุมอาหาร, การออกกำลังกาย และยาเม็ดลดน้ำตาล
แล้วปรากฏว่า ไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้
โดยการรักษาด้วยการควบคุมอาหาร, การออกกำลังกาย และยาเม็ดลดน้ำตาล
แล้วปรากฏว่า ไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้
เราไม่มีกฎเกณฑ์
หรือชนิดของ “อินซูลิน” ที่เหมาะกับคนสูงอายุที่เป็น
โรคเบาหวาน เป็นการยากที่จะควบคุมระดับนำตาล
ให้เป็นปกติด้วยการใช้
intermediate acting insulin เพียงวันละครั้ง
ในการเริ่มต้นด้วยการให้
insulin…
จัดเป็นเรื่องของการรักษาที่ก่อให้เกิดความเครียดได้อย่างมาก
เพราะการฉีดยาในคนสูงอายุ เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก
และมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้สูง
ทั้งนี้ เพราะในคนสูงอายุ มีอุปสรรคหลายอย่าง ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถ
รับการรักษาด้วย การฉีดอินซูลินได้ เป็นต้นว่า
สายตาไม่ดี, ฉีดยาได้ไม่ถูกต้อง, ความรู้สึกของมือเสียไป, หาตำแหน่งฉีดยาได้ลำบาก,
และไม่สามารถตรวจวัดดูระดับน้ำตาลได้ และอื่น ๆ
รับการรักษาด้วย การฉีดอินซูลินได้ เป็นต้นว่า
สายตาไม่ดี, ฉีดยาได้ไม่ถูกต้อง, ความรู้สึกของมือเสียไป, หาตำแหน่งฉีดยาได้ลำบาก,
และไม่สามารถตรวจวัดดูระดับน้ำตาลได้ และอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด...
ไม่ใช้ข้อห้ามไม่ให้ใช้
“อินซูลิน”เพื่อการรักษาแต่อย่างใด
ปัญหาแต่ละอย่าง ล้วนมีคำตอบเสมอ
Insulin
Analogues
อินซูลินที่ถูกผลิตขึ้นให้เหมือนกับอินซูลินที่มีตามธรรมชาติ
เช่น lispro จะออกฤทธิ์ได้เร็ว และสั้น
เป็นยาที่ดี
และเหมาะสำหรับลดระดับน้ำตาลหลังรับประทานอาหาร
และสะดวกต่อการใช้
โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลลดต่ำ (hypoglycemia)
โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลลดต่ำ (hypoglycemia)
ยากลุ่มนี้ (rapid acting
insulin)
เป็นยาที่เหมาะสำหรับใช้ในคนสูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน
ซึ่งสามารถให้ก่อนอาหาร
โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงเหมือนกับการใช้
regular insulin
regular insulin
เมื่อมีการใช้ rapid-acting
insulin ร่วมกับ long-acting insulin
เช่น insulin glargine
หรือ ultralente insulin
อินซูลินที่ออกฤทธิ์เร็ว สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
ได้ตลอดทั้งวัน
และที่สำคัญยา long-acting insulin glargine
สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างสม่ำเสมอ
(peakless) เหมาะที่จะนำมาใช้
เริ่มต้นรักษาในคนสูงอายุ,
เพิ่มขนาดของยา และคงสภาพของยาให้
อยู่ในระดับคงที่
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลลดต่ำได้...
โดยสรุป...
เมื่อคนไข้เบาหวานมีอายุมากขึ้น
(แก่ขึ้น)
คุณภาพชีวิตจะมีความสำคัญมากกว่าความยืนยาวของชีวิต และ
การควบคุมโรคเบาหวานในคนสูงอายุ
ผู้ซึ่งไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ
ควรมุ่งทำให้คนไข้เกิดความชำนาญในการดูแลตนเองให้ได้
นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับแพทย์ผู้การรักษาคนไข้โรคเบาหวาน
จะต้องถือเป็นหลักปฏิบัติ
http://clinical.diabetesjournals.org/content/19/4/172.full
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น