มีความรู้บางอย่างสามารถเรียนรู้ได้จากเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น
เป็นต้นว่า
ในสงครามโลกที่ที่ผ่านมา เราได้พบทหารผ่านศึก สัมผัสกับ mustard gas
แล้วพบว่า แกสดังกล่าว ได้ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีจำนวนลดน้อยลง....
แล้วพบว่า แกสดังกล่าว ได้ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีจำนวนลดน้อยลง....
ปกติเซลล์มะเร็งจะมีการแบ่งตัว และเจริญอย่างรวดเร็ว
จากปรากฏการณ์ดังกล่าว
ได้นำไปสู่การคิดค้นหาสารต่าง ๆ เพื่อนำ
มาใช้รักษาเซลล์มะเร็ง
ด้วยการทำให้มันแบ่งตัวช้าลง
หรือยุติการแบ่งตัว
และการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
และการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
โดยในปัจจุบัน ปรากฏว่า มียา ซึ่งถูกนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งกันเป็น
จำนวนมากมาย (มากกว่า 100)
นอกจากนั้น
แพทย์ยังสามารถทำการตรวจทางพันธุกรรม
เพื่อให้สารเคมีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนั้น
ยังมีการตรวจความผิดเพี้ยนทางพันธุกรรม (genetic
mutation)
ซึ่งสามารถระบุได้ว่า มะเร็งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นชนิดใด
ยกตัวอย่าง มะเร็งเต้านมของคนไข้ เหมาะกับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการเฉพาะ
หรือไม่ ?
ซึ่งสามารถระบุได้ว่า มะเร็งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นชนิดใด
ยกตัวอย่าง มะเร็งเต้านมของคนไข้ เหมาะกับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการเฉพาะ
หรือไม่ ?
ในการรักษาโรคมะเร็ง...
อย่างที่กล่าว เคมีบำบัด คือการใช้ยาที่เป็นสารเคมี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง
สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่กำลังเจริญเติบโตภายในร่างกายลงได้
ยาที่ใช้ทำหน้าที่รักษา สามารถทำให้ขนาดของก้อนมะเร็งหดตัว และเล็กลงได้
มันอาจป้องกันเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้
มันอาจป้องกันเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้
ในปัจจุบัน ปรากฏว่า มียารักษามะเร็งมากกว่า 80 ชนิด ถูกนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งกัน
และในการรักษาโรคมะเร็งดังกล่าว ส่วนมากเรามักจะใช้ยาหลายตัวร่วมกัน
บางทีใช้สองตัว หรือใช้ได้มากกว่านั้นก็ได้
และในการรักษาโรคมะเร็งดังกล่าว ส่วนมากเรามักจะใช้ยาหลายตัวร่วมกัน
บางทีใช้สองตัว หรือใช้ได้มากกว่านั้นก็ได้
เราจะพบว่า แพทย์ผู้เชี่ยวในการรักษาโรคมะเร็ง
เขาจะวางแผนการรักษา
โดยคำนึงถึงชนิดของมะเร็ง, การกระจายของเซลล์มะเร็์ง
ไปยังส่วนอื่นขอบร่างกายได้มากน้อยแค่ใด
ไปยังส่วนอื่นขอบร่างกายได้มากน้อยแค่ใด
ไม่ว่าเซลล์มะเร็งจะกระจายไปไกลแค่ใหน ?
ยารักษามะเร็งสามารถเดินทางไปถึงทุกส่วนของร่างกาย
ดังนั้น
ยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งจึงสามารถทำลายมะเร็งได้
ไม่ว่า มันจะแพร่กระจายไปถึงส่วนใดของร่างกาย
ไม่ว่า มันจะแพร่กระจายไปถึงส่วนใดของร่างกาย
นอกจากนั้น ยาดังกล่าว
ยังสามารถฆ่ามะเร็ง ซึ่งมีขนาดเล็กขนาด
ที่ไม่สามารถตรวจพบได้อีกด้วย
เคมีรักษา:
เคมีรักษาถือเป็นพื้นฐานการรักษาที่สำคัญสำหรับมะเร็งบางชนิด
โดยเฉพาะมะเร็งของเม็ดเลือด และเซลล์ไขกระดูก
เช่น “ลูคีเมีย”(Leukemia), “ลิมโพมา” (lymphoma), และ
“มัลตะเปิ้ล มัยอีโลม่า” (multiple
myeloma)
สำหรับมะเร็งชนิดอื่น ๆ...
เคมีบำบัดจัดเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้ร่วมกับวิธีการรักษาชนิดอื่น ๆ
เช่น “รังสีรักษา”, และหรือ “การรักษาด้วยการผ่าตัด”
ซึ่งมักเป็นมะเร็งชนิดที่เป็นก้อนแข็ง (solid tumors)
เช่น “รังสีรักษา”, และหรือ “การรักษาด้วยการผ่าตัด”
ซึ่งมักเป็นมะเร็งชนิดที่เป็นก้อนแข็ง (solid tumors)
เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งของลำไส้ใหญ่ และมะเร็งของอวัยวะอย่างอื่น ๆ
เป้าหมายของเคมีรักษาของมะเร็งแต่ละชนิด
ย่อมแตกต่างกันไป
โดยขึ้นกับระยะ (stage)
ของมัน ดังนี้:
§
รักษามะเร็งหายขาด
§
ป้องกันไม่ให้มะเร็งเกิด
(ฟื้นตัว) หลังการผ่าตัด
§
ป้องกันไม่ให้มะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ
§
ลดขนาดของก้อนมะเร็งลง
เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการผ่าตัด
§
ลดขนาดของก้อนมะเร็งชนิดที่ไม่สมารถรักษาได้ แต่เป็นการลดอาการที่เกิดจากขนาด
ของมะเร็ง
ของมะเร็ง
การเตรียมตัว...
ยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งแต่ละชนิดต่างมีผลข้างเคียงแตกต่างกันไป
โดยอาจขึ้นกับขนาดของร่างกาย โดยมีปฏิกิริยาต่อยารักษา
ซึ่งท่านสามารถสอบถามจากแพทย์ผู้ให้การรักษาว่า
ยาที่ท่านจะได้รับนั้นมีผลข้างเคียงอย่างไร
ยารักษามะเร็งที่ท่านจะได้รับนั้น...
อาจเป็นการรักษาในโรงพยาบาล หรือจากคลินิกแพทย์
หรือบางทีอาจให้ยาที่บ้านของท่านเอง
อาจเป็นยาเม็ดรับประทาน หรือได้รับการฉีดจากแพทย์
โดยส่วนใหญ่จะเป็นยาทีต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำ
ซึ่งอาจได้รับยาทุกวัน,
หรือเป็นรายอาทิตย์ หรือเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของยาที่ใช้ในการรักษา
หลังการรักษา....
เมื่อท่านได้รับการรักษาด้วยสารเคมี (เคมีรักษา)
แพทย์อาจทำการพิจารณาตรวจสิ่งต่อไปนี้
เพื่อตรวจดูว่า
ผลของการรักษาที่ท่านได้รับเป็นเช่นใด ?
·
การตรวจร่างกาย
·
การตรวจเลือด
·
การตรวจเอกซเรย์
·
ตรวจภาพด้วย CT scans
·
ตรวจภาพด้วยคลื่นแม่เหล็ก MRI
·
ตรวจ Positron emission tomography (PET) scans
แพทย์จะทำการตรวจเลือดหลายอย่าง...
มียารักษามะเร็งหลายชนิด มีผลกระทบต่อการสร้างเม็ดเลือดในไขกระดูก
ซึ่งแพทย์จำเป็นต่้องทำการตรวจหลายอย่าง เช่น
ซึ่งแพทย์จำเป็นต่้องทำการตรวจหลายอย่าง เช่น
·
เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้านำออกซิเจน
·
เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับการอักเสบติเชื้อ
·
เกล็ดเลือด ซึ่งทำหน้าที่จับตัวเป็นก้อนเลือด
เพื่อหยุดเลือดไหล
หลังการรักษา เมื่อปรากฏว่า เม็ดเลือดขาวลดต่ำลง
แพทย์อาจสั่งให้มีการฉีดยา เพื่อช่วยให้มีการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้น
แพทย์อาจสั่งให้มีการฉีดยา เพื่อช่วยให้มีการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้น
บางครั้ง แพทย์อาจจำเป็นต้องให้เลือดแก่ท่าน (blood
transfusion)
นอกจากนั้น
แพทย์จะมีการตรวจดูการทำงานของตับ และไต
เพราะยาที่ใช้รักษามะเร็งสามารถทำอันตรายตับ
และไตได้
ผลอันไม่พึงประสงค์จากเคมีรักษา...
ผลอันไม่พึงประสงค์จากเคมีรักษา...
ผลอันไม่พึงประสงค์จากเคมีรักษา นอกจากสารเคมีสามารถทำลายเซลล์มะเร็งแล้ว
มันยังทำลายเซลล์ปกติได้ด้วย ทำให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์หลายอย่าง
ซึ่งเป็นหน้าที่ของแพทย์ จะต้องลดความรุนแรงที่เกิดจากผลข้างเคียงให้ได้
ซึ่งเป็นหน้าที่ของแพทย์ จะต้องลดความรุนแรงที่เกิดจากผลข้างเคียงให้ได้
ผลข้างเคียงที่พบได้แก่:
·
เหนื่อยเพลีย
·
คลื่นไส้ & อาเจียน
·
ท้องร่วง
·
เจ็บช่องปาก
·
ผมร่วง
·
ผื่นตามผิวหนัง
·
ระดับเม็ดเลือดชนิดต่างๆ ลดลง
เมื่อท่านได้รับเคมีรักษา...
การรักษาดังกล่าว
จะไปยับยั้งการสร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ
เมื่อเม็ดเลือดขาวลดต่ำลง
จะทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการต่อสู้กับการอักเสบ
ติดเชื้อ ดังนั้น เราจึงเห็นว่า คนไข้มีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งมีบางราย เกิดความรุนแรงถึงขั้นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
ติดเชื้อ ดังนั้น เราจึงเห็นว่า คนไข้มีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งมีบางราย เกิดความรุนแรงถึงขั้นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
เคมีรักษาสามารถกระทบต่อเซลล์เกล็ดเลือด ซึ่งมีผลต่อการหยุดเลือด (blood clot)
เป็นเหตุให้มีเลือดไหลไม่หยุด
เป็นเหตุให้มีเลือดไหลไม่หยุด
ในระหว่างที่ท่านกำลังได้รับเคมีบำบัด...
ท่านอาจจำเป็นต้องหยุดการใช้ยาบางอย่างลง
เพราะมันสามารถทำ
ปฏิกิริยากับสารเคมีที่ใช้รักษามะเร็งได้
ยาที่ทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง สามารถก่อให้เกิดความพิการในทารกแรกเกิดได้
ฉะนั้นหากท่านตั้งครรภ์ระหว่างได้รับเคมีรักษา.ท่านควรบอกให้แพทย์ได้รับทราบ
ฉะนั้นหากท่านตั้งครรภ์ระหว่างได้รับเคมีรักษา.ท่านควรบอกให้แพทย์ได้รับทราบ
นอกจากนั้น เคมีรักษาอาจทำให้เกิดเป็นหมันได้
ท่านควรพบแพทย์เมื่อใด
?
ในระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด ท่านอาจมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น
ซึ่งท่านควรไปพบแพทย์ เมื่อท่านเกิด:
·
เป็นไข้
·
หนาวสั่น
·
ผื่นตามผิวหนัง
·
มีอาการบวมที่มือ, เท้า หรือใบหน้า
·
อาเจียนอย่างรุนแรง
·
ท้องร่วง
·
มีเลือดออกทางปัสสาวะ และอุจจาระ
·
มีเลือดออก หรือมีรอยช้ำตามผิวหนัง
·
หายใจลำบาก
·
ปวดศีรษะอย่างแรง
·
เกิดความเจ็บปวดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หรือเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะกินเวลานานกว่าจะหาย
·
มีอาการปวด,บวม,
แดงตรงบริเวณรอบฉีดยารักษามะเร็ง
นอกเหนือจากที่กล่าว อาจมีผลอันไม่พึงประสงค์จากการรักษาด้วยเคมีบำบัด
ซึ่งเป็นเรื่องทีท่านควรรู้ และที่สำคัญ ท่านจะต้องทำความเข้าใจกับแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
ซึ่งเป็นเรื่องทีท่านควรรู้ และที่สำคัญ ท่านจะต้องทำความเข้าใจกับแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น