วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เมื่อต้องจัดการกับ“คลอเลสเตอรอล” ด้วยยา P. 6: Omega-3 Fatty Acid

Feb. 23, 2014

ไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ omega-3 และ omega-6 fatty Acids
และอาหารที่สามารถให้ omega 3-fatty acids
อาหารต่างๆ ที่มี omega-3 fatty acids ได้แก่น้ำมันปลา  (fish Oil)
และพืชบางชนิด และน้ำมันที่ได้จากผลเปลือกแข็ง (nut)
ส่วน omega-6 fatty acids สามารถพบได้ในปาล์ม, ถั่วเหลือง,
และน้ำมันทานตะวัน

น้ำมันปลา (Fish oil) มี omega-3 fatty acids สองตัว ซึ่งได้แก่:
Docosahexaenoic acid (DHA) และ eicosapentaenoic acid (EPA)

ผลไม้เปลือกแข็ง (nuts), g, เมล็ดพืช, และน้ำมันพืช จะมี
Aicosapentaenoic acid (EPA) ซึ่งอาจทำให้เปลี่ยนเป็น DHA และ
EPA ในร่างกาย

มีรายงานว่า Omega-6 fatty acids มีส่วนสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยง
ต่อการทำให้เกิดโรคบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ (heart disease)
และอาการซึมเศร้า (depression) และทำให้ระดับของ choesterol
อยู่ในระดับที่ดีขึ้น

ผลจากการศึกษาพบว่า การกิน omega-3 จะเกิดผลดีต่อคนที่เป็นมะเร็ง,
อาการซึมเศร้า และภาวะสมาธิสั้น( ADHD หรือ attension-deficit
hyperactivity disorder)   ดังนั้น จึงทำให้น้ำมันปลาซึ่งมี omega-3 Fatty acids
ได้กลายเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมกันสูงมาก

มีหลักฐานยืนยันว่า การรับทานน้ำมันปลา (fish oil) ในรูปแบบอาหารเสริม
ซึ่งมี DHA & EPA อาจลดระดับ triglycerides และ ลดอัตราเสี่ยงต่อ
การเกิด heart attack, การเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ และสมองถุกทำลาย (stroke)
ซึ่งเกิดในคนที่เป็นโรคหัวใจมาก่อน

DHA & EPA อาจมีประโยชน์ต่อคนที่มีเส้นเลือดแดงแข็งตัว หรือในรายที่
มีความดันเลือดสูง แต่หากกินในขนาดสูง อาจเกิดผลเสียได้
เช่น ทำให้เกิดมีเลือดออกเพิ่มขึ้น, ทำให้ lDL cholesterol สูงขึ้น,
ก่อให้เกิดปัญหาด้านควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด


<< PREVIOUS  P. 5 : Fibrates


SOURCE: American Heart Association

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น