วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

Dementia: (1) Definition

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง






















Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
























Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง






















Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง























Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง






















Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

























Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
























Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง






















Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง






















Topic: Dementia: (1) Definition
รพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์

ท่านเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างไหม ?
วันหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปช๊อบปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ได้ขับรถขึ้นไปจอดบนชั้นสามของสถานที่จอดรถแห่งนั้น
หลังจากได้สิ่งของตามที่ต้องการ ก็ขับรถลงมายังด้านล่าง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับทางขึ้น
พอขับรถลงมาถึงพื้นดิน...ก็เกิดมีความรู้สึก “งง...”

“เอ...เราอยู่ตรงส่วนไหนของเมือง...
ซึ่งเรา “อยู่” มานานถึง 40 ปี”
ต้องเสียเวลานึก...นานหลายวินาที

ความสงสัยเกิดพร้อมกับความวิตก....:
เราเป็นโรค “สมองเสื่อม” หรือ เป็นโรค “อัลไซเมอร์” แล้วหรือนี่ ?

คุยกันกับเพื่อนฝูง (อายุเลย 70) ที่สวิงกอล์ฟด้วยกัน... รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อทราบว่า
เกือบทุกคน (หนุ่มเหลือน้อยทั้งหลาย) ต่างมีความจำแย่ลงไปไม่มากก็น้อย

เมื่อเกิดความสงสัย มันก็นำไปสู่การศึกษาหาความรู้กันต่อไป
และการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด คือ ท่องเน็ต ดูเว็บฯ ต่างๆ แล้ว “เขียน” สิ่งที่เราได้เรียนได้อ่านมา บันทึก เป็นบทความให้เพื่อนๆ ได้อ่านเล่น

Dementia

Dementia เขากล่าวว่า ไม่ใช่ชื่อของโรคใดโรคหนึ่งหรอก แต่เป็นคำทั่วไป ที่นำใช้ เพื่ออธิบายกลุ่ม อาการทางด้านความคิด-การใช้เหตุผล และกิจกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเดิม.... จน เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตประจำวันไป

พอเขาพูดว่า มันไม่ใช้โรคหรอก...

มันเป็นกลุ่มอาการทางสมอง ที่เกิดจากสมองเสื่อมเท่านั้นเอง

กลุ่มอาการของ dememntia หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากสมองเสื่อม จะปรากฏให้เห็นเมื่อ การทำงาน ของสมองถูกกระทบเป็นเบื้องแรกก่อน ซึ่งจะมีอาการทางความจำ (memory) อาการทางด้านคำพูด & ภาษา (language) และปัญหาด้านสังคม

อาการที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช้ตัวโรคหรอก มันไม่เหมือนกับโรค Alzheimer’s…เพราะเมื่อเราพูดถึง โรค Alzheiemer’s มันเป็นโรคหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดอาการ dementia ได้

คนเป็นสมองเสื่อม หรือ dementia มีอาการที่เราควรรู้ มี?

• สูญเสียความจำ (Memory loss) เช่น ลืมทิศทางกลับบ้าน- กลับไม่ถูก เขาอาจลืมชื่อบุคคล หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถะจดจำสิ่งที่เกิดในวันนั้นๆ

• อารมณ์แปรปรวน (Moodiness) เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เสื่อมลง จะทำให้คนไข้ เกิดอาการฉุนเฉียว โมโหง่าย กลัว หรือเกิดอาการตื่นเต้น เขาอาจเกิดกลัวอะไรบางอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขา

• ติดต่อสื่อสารยากขึ้น (Communicative difficulties) คนไข้ที่เป็นโรคดังกล่าว อาจพบว่ามีปัญหาเรื่องการติดต่อพูดคุยจกับคนอื่นๆ ไม่สามารถอ่าน หรือเขียน...ได้

เมื่อโรคดำเนินไปเรื่อยๆ หรือที่ถูกควรใช้คำว่า “เลวลง” เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปฏิบัติ ภารกิจ...หรือ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

จะบอกว่า คนๆ นั้น เป็น dementia หรือ สมองเสื่อม ต้องมีความผิดปกติ ในการทำงานของสมอง อย่างน้อย 2 อย่าง เช่น (1) มีความจำเสียไป (2) การตัดสินใจผิดปกติ หรือ มีความบกพร่อง ทางการสื่อสารไป
ถ้าหากคนๆ มีอาการแค่อาการเพียงอย่างเดียว เช่น ขี้ลืม (foregetefullness) พบในคนสูงอายุ เรา ยังไม่เรียกว่า สมองเสื่อม หรือ dementia


Next >


















Progessive Dementias

เป็นกลุ่มที่สมองของคนเราเสื่อมลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป...แย่อย่างเดียวเท่านั้น โรคที่จัดใน กลุ่มนี้ ได้แก่:
• Alzheimer’s Disease

โรคนี้ เกิดขึ้นได้เมื่อเซลล์ของสมองถูกทำลายไป โดยเราไม่ทราบว่า อะไรทำให้ เซลล์สมองถูกทำลายไป ในคนพวกนี้ เราพบว่ามีความผิดปรกติสองอย่างเกิดใน เซลล์สมอง หนึ่งนั้น เป็น “คราบ” (plague) ของสารโปรตีนมีชื่อ Beta- amyloid ปกติมันไม่มีอันตรายหรอก แต่มัน...ดันจับกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้นซะนี่ เป็นเหตุให้เซล์สมองมันอยู่ไม่ได้...เลยตายไป
อีกพวกนี้ มีการอัดตัวของ “ใย” (fibous) ที่เป็นโปรตีน มีชื่อว่า “Tau” อัดกัน เป็นกลุ่มเหมือนลวดที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน...เป็นเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ไป
ใครเป็นโรคนี้ มันจะเสื่อมลงอย่างช้า อย่างต่อเนื่อง ได้ 5 – 10 ปี จะทำให้ความสามารถด้านความคิดลดลงอย่างช้าๆ
สุดท้าย สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ (ดูรายะเอียดจากเรื่องAlzheimer’s)

• Lewy body dementia.

คนที่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดนี้ เมื่อคนไข้ตายไป เอาเนื้อสมองมาตรวจดู จะพบก้อนโปรตีน ชื่อ Lewy body มันอัดตัวกันเป็นก้อนขึ้นในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia

ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าก้อนโปรตีนชื่อ Lewy body นี่ ยังพบเห็นในคนที่เป็นโรค Alzheimer’s และ Parkinson’s อีกด้วย
ใจเย็นๆ อ่านต่อไป ทำไมเขาจับมันแยกออกมาเป็นอีกโรค

อาการของคนที่เป็นโรค Lewy body dementia มีลักษณะอาการเหมือนกับคนที่เป็นโรค Alzheimer’s แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ อาการของเขาจะเป็นๆ หายๆ (fluctuation) เช่น ความคิด ความสับสนที่เกิด บางวันปกติ บางวันไม่ชัด เหมือนโทรทัศน์เครื่องเก่าเก็บ บางขณะชัดแจ๋ว บางขณะไม่ชัด อยากเรียกให้ช่างซ่อมเอาไปซ่อมซะที...แต่พอช่างมาถึง มักลับชัดขึ้นมา เลยทำให้เราไม่อยากเสียค่าซ่อมโทรทัศน์อย่างนั้นแหละ

นอกจากนี้ คนไข้ยังมีอาการของภาดหลอน (visual hallucination) และมีอาการเหมือนคนเป็นโรค parkinson’s เช่น มีอากรสั่นเทา (tremorฉ) และแข็งเกร็ง (rigidity)..



• Ischemic vascular dementia (IVD):

เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่สองที่เราพบ รองจากโรค “แอลไซเมอร์” ซึ่งทำให้เกิด โรคสมองเสื่อม
คนไข้พวกนี้จะมาด้วยอาการทางสมองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (sudden onset) หรือค่อยๆ เกิดการสูญเสียการทำงานของสมองส่วนที่เป็น หรือทำหน้าที่ด้าน “ความ นึกคิด” (cognitive skill)
ซึ่งมันเป็นส่วนของการปฏิบัติงาน (executive functions) เช่น การวางแผน การปฏิบัติ และเริ่มลงมือการทำงานนั้น
คนไข้ที่เกิดอาการอย่างทันทีทันใด จะเกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke)
ส่วนที่ชนิดอื่นๆ จะเป็นตัวที่ทำให้ค่อยๆ เกิดอย่างช้า ซึ่งจะทำให้ความคิด และการ ปฏิบัติงานของค่อยๆ เสียไปอย่างช้าๆ

• Frontotemporal dementia (FTD)

คนไข้ที่เป็น FTD เป็นภาวะการณ์เสื่อมสลายของเซลล์สมองตรงส่วนด้านหน้า
สมองส่วนหน้า(frontal) และส่วนที่เป็น anterior temporal lobe จะทำ หน้าที่ควบคุมด้านเหตุผล (reasoning), บุคลิกภาพ (personality) , การเคลื่อนไหว (movement), คำพูด (speeches),ภาษา (language) และ ความสง่างามด้านสังคม (social grace) และบางส่วนเกี่ยวกับความจำ (memory)
อาการของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิด คิดว่ามีปัญหาด้าน”จิต ประสาท” (psychological) หรือ ปัญหาที่พื้นฐานด้านอารมณ์(emotional- based problems)

คนไข้ที่เป็นโรคนี้ มักจะเกิดในคนอายุมากกว่า 45 และน้อยกว่า 65
อาการที่ปรากฏ จะออกมาในสองรูปแบบ: มากไป(overactive) หรือน้อยไป (inactive)
พวก overactive ไม่อยู่นิ่ง (restless) เช่น มีอาการหุนหันพลันแล่นในการ ตัดสินปัญหาด้านสังคม (poor social judgement)
อีกรูปแบบ มีอาการตรงข้ามกับที่กล่าว คือมีอาการเฉื่อยชา (apathy) อารมณ์
ทื่อ ๆ

• Parkinson’s dementia

เมื่อใครก็ตามถูกเรียกว่า เป็น Parkinsonism ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นเกิดมี อาการ และอาการแสดงร่วมกันดังนี้ มีอาการสั่น (tremor) เกร็ง (rigidity) เคลื่อนไหว้ช้า (slowmovement) และ ท่าทางการเดินเหินไม่มั่นคง (unsteady gait)

มีโรคประสาทหายอย่าง ที่มีลักษณะของ parkinsonism รวมทั้งพวกที่ทำให้ เกิดภาวะ dementia

เมื่อใดก็ตาม ที่คนไข้เกดอาการ Parkinsonism โดยที่คนไข้รายนั้น ไม่มีโรค ทางระบบประสาท หรือไม่พบเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลย ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า โรค Parkinson’s

Progressive Supraneurclear palsy (PSP)

คนไข้ที่เป็นโรค PSP มักจะแสดงอาการให้เราได้เห็นสามประการด้วยกัน คือ การเสียความสมดุลไปอย่างช้าๆ (gradual loss in balance) เช่น เดินลำบาก (trouble walking) และไม่สามารถควบการเคลื่อนไหวของลูกตาได้

นอกจากอาการแสดงทั้งสามที่กล่าวมา เนื่องจากมันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการ เสื่อมของสมอง มันย่อมมีอาการทางสมองที่เสื่อมไปด้วย เช่น การเคลื่อน ไหวลำบาก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีปัญหาเรื่องการพูด และการกลืนอาหาร

เนื่องจากเป็นโรคที่พบน้อย อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นโรค Parkinson’s ได้ แต่การตอบสนองต่อการรักษา และอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน...จึง ไม่เป็นการยากที่จะทำการวินิจฉัย

• Mixed Dementias. ในบางโอกาส ปรากฏว่ามีโรคสองโรคเกิดร่วมกันในคน ๆ เดียวได้ เช่น โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Vascular dementia หรือ โรค Alzheimer’s ร่วมกับโรค Lewy body dementia
• Other diseases นอกเหนือจากนี้ ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ก่อให้เกิดอาการ de,entia ได้ เช่น Karsakoff’s syndrome, Binswanger’s disease, HIV /AIDs และ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD)

นอกจากนี้ คนไข้ที่มี dementia ยังอาจพบในคนไข้ที่เป็นโรค Huntington’s , Motor neuron disease, Multiple sclerosis


เป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ว่า เรายังไม่มีทางรักษาโรคที่เป็น Progressive dementia ได้เลย เท่า ที่ทำได้ คือทำให้ ความนึกคิด (cognitive) และ การ ทำงาน (Functional ) ดีขึ้นเท่านั้นเอง
การรักษาที่เฉพาะของโรคสมองเสื่อม ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเป็นต้นเหตุ
ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s และ Lewy body dementia การรักษาเป็นการ รักษาด้วยยา เพื่อลดอัตราการเสื่อมลง และการทำให้ความจำของคนไข้ดีขึ้น
ยาที่นำมาใช้ คือยาในกลุ่ม cholinesterase inhibitors และที่สำคัญ มันไม่สามารถรักษา ได้ทุกคน
ได้ผลดีเฉพาะบางคนเท่านั้นเอง

ในคนไข้ที่เป็น โรค Alzheimer’s ได้มียาใหม่ที่ผลิตขึ้น เพื่อนำมาใช้ป้องกันไม่ให้มีการ สร้างก้อนโปรตีน (ซึ่งเชื่อว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง)

สำหรับพวกที่เป็น Vascular dementia การรักษาได้แก่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมียาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ความ สับสน ความหงุดหงิด งุ่นง่าน รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กล่าวโดยสรุป การรักษาคนไข้ที่เป็น dementia หรือโรคความจำเสื่อม มันมีได้แตกต่างกัน ตามสาเหตุ
ดังนั้น การได้คำวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น