(cont.)
“ใครๆ ก็สามารถวินิจฉัยโรค tension headache ได้
ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นแพทย์เลย
นั่นเป็นคำพูดของพักพวกที่เล่นกอล์ฟด้วยกัน
“คงถูกของเขานั่นแหละ...”
เพราะความรู้ใครก็เรียนทันกันได้
นับประสาอะไร....คนธรรมดา ไม่ต้องห่มผ้าเหลือง ยังสามารถปฏิบัติธรรมได้ดีกว่า “ผู้ห่ม ผ้าเหลือง” บางองค์ เสียอีก
กุญแจสำหรับไขไปสู่การวินิจโรค Tension Headaches คือ ประวัติที่ผู้ป่วย
ผู้ทำการรักษา เขาจะตั้งคำถาม เพื่อให้เข้าใจว่า:
อาการปวดศีรษะ เกิดขึ้นเมื่อใด
ปวดมากน้อยเท่าใด ปวดนานเท่าใด และมีอาการอื่นร่วมด้วนไหม ?
อาการปวดศีรษะที่เป็น Tension Headaches จะมีอาการตั้งแต่น้อย ไปจนกระทั้งถึงปวด ปานกลาง โดยมีตำแหน่งของอาการปวดอยู่ที่บริเวณสองข้างของศีรษะ ที่เราเรียก “ขมับ” นั่น
แหละ
ความปวดที่เกิด จะมีลักษณะเหมือนมีแรงอัดภายในกะโหลกศีรษะ...ปวดหนักๆ ปวดตื้อ ๆ
ไม่มีลักษณะ “เต้น” ตุบ ๆ หรอก
เมื่อท่านออกแรง อาการจะไม่เลวลงแต่อย่างใด
และไม่มีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วยเลย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีความไวต่อแสง
การตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการตรวจระบบประสาท มีความสำคัญต่อการวินิจฉัย Tension Headache มาก
เพราะคนที่เป็น Tension Headache การตรวจระบบประสาท จะปกติ
สิ่งที่ผิดปกติ คือ อาจตรวจพบว่ามี บริเวณเจ็บปวด (tenderness) ที่หนังศีรษะ (scalp) หรือ บริเวณกล้ามเนื้อของต้นคอ
หากผู้ทำการรักษา พบสิ่งผิดปกติ...จะต้องแยกชนิดของการปวดศีรษะ ซึ่งอาจเป็นชนิดอื่นได้
การรักษา
เนื่องจาก Tension headaches เป็นอาการที่คนไข้ปวดศีรษะอย่างมาก
มีคนไข้จำนวนไม่น้อย ทีเกิดความไม่พอใจที่แพทย์วินิจฉัยว่า เขาเป็นแค่ Tension headache หรือที่เรารู้ในชื่อ.......
แม้ว่า อาการปวดศีรษะที่ว่านี้ ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตก็ตามที แต่มันมีกระทบต่อวิถีชีวิตของ คนที่มีอาการได้
อาการปวดแบบนี้ ประชารชนคนทั่วไป สามารถรักษาตัวเขาเองได้ ด้วยการหาซื้อยาจากร้าน ขายยาเอง เป็นเรื่องปกติที่ใรก็กระทำกัน
ต่อไปนี้ คือยาที่เราสามารถใช้รักษาอาการปวดศีรษะ Tension ได้ผลดี
• Aspirin
• Ibuprofen
• Acetaminophen (Tylenol) และ
• Naproxen
ถ้าหากเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นอีก...ท่านควรปรึกกษาแพทย์ได้แล้ว
การนวด (massage) Biofeedback อาจนำมาใช้เพื่อเสริมยาที่ท่านรับ...เข้าไป สามารถ ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะของท่านได้
สิ่งสำคัญในการซื้อยารับประทานเอง ท่านจะต้องรู้ว่า ยาที่ปลอดภัยทั้งหลายที่กล่าวมา อาจมี ผลข้างเคียงร่วมด้วยเสมอ...
ทุกครั้งที่ท่านซื้อยาแก้ปวดรับประทาน สิ่งที่ท่านควรทำ คือให้อ่านฉลากยาทุกครั้งว่า ยาที่ ท่านซื้อมารับประทานนั้น มันประกอบด้วยสารอะไรบ้าง เพราะ:
• ยาบางตัวจะมีสาร Caffeine ซึ่งสารตัวนี้อาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วได้ (ในคนไข้บางคน)
• ยา ใช้ในเวลากลางคืน อาจมี diphendydramine (Benadryl) เป็ตัวที่ผสมเข้าไป เมื่อท่านรับ...เข้าไปอาจทำให้ท่านเกิดอาการง่วงนอนได้ (drowsiness)
จึงไม่เหมาะที่จะรับประทานขณะขับรถ หรือใช้เครื่องจักร...เป็นอันตรายได้
นอกจากนี้ ที่ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ เมื่อท่านใช้ยาแก้ปวด:
• ยา aspirin ไม่ควรใช้ในเด็กเล็ก หรือวัยรุ่น เพราะมีอันตรายจากการเกิดกลุ่มอาการ Reye’s,
เมื่อท่านไม่สบาย มีลักษณะเหมือนเป็น Virus อย่าใช้ aspirin โดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เ เมื่อคนไข้เกิด coma หรือสมองได้รับบาดเจ็บ เช่นม่เลือดตกในสมอง...ไม่ควรใช้ aspirin โดยเด็ดขาด
• Aspirin และ ibuprofen เมื่อท่านรับ...เข้าไป มันจะละคายกระเพาะอาหาร สามารถทำให้เลือดตกในกระเพาะอาหาร หรือทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
ไม่ควรใช่ยา aspirin ร่วมกับยาที่ต่อไปนี้- warfarin และ clopidogrel bisulfate( plavix) เพราะมันจะไปเสริมฤทธิ์ยาดังกล่าว
• Acetaminophen ถ้าหากท่านใช้ในปริมาณมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อตับของท่านได้ (liver damage) ควรระมัดระวังให้มาก หากคนไข้รายนั้นเป็นคนดื่มจัด หรือเป็นโรคตับอยู่แล้ว....ควรหลีกเลี่ยงเสีย
• สาเหตุอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิด tension headache คือ การรับประทานยาแก้ปวดมากไป (overused)
เมื่อมีการใช้ยาแก้ปวดเป็นเวลานานเกินไป อาการปวดศีรษะอาจฟื้นกลับ (recur) นั่นเป็นผลมาจาก ยาจากร่างกายของท่านได้หมดไป เป็นเหตุให้อาการปวดศีรษะฟื้นกลับมา...เรียก rebound headache
Next >
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น