“สิ่งที่คนเรากลัว...หรือ ไม่ชอบ... เห็นจะได้แก่โรคภัยไข้เจ็บ
ยิ่งเป็นโรค ชนิดที่ ไม่มีทางรักษาหายด้วยแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัวมากที่สุด”
โรค “พาร์คินสัน” เป็นโรคหนึ่ง... เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด
ไหนๆ เราจะต้องอยู่ร่วมกับโรค
ไม่ว่า เราเป็นโรคเสียเอง หรือคนที่เรารัก เป็นโรคก็ตาม
สิ่งที่เราควรทราบ คือ รู้เรื่องเกี่ยวกับโรคนี้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของระบบประสาท
พบบ่อยเป็นอันดับสอง
มันมีลักษณะเฉพาะของมัน โดยมีการสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหว ของกล้ามเนื้อ อย่างต่อเนื่องไป ที่สุดจะนำไปสู่อาการสั่น ของมือ แขน-ขา และศีรษะ
ซึ่งจะเกิดขึ้นในขณะที่ร่างกาย มีการพัก
นอกจากนั้น คนไข้ยังมีอาการ ข้อแข็ง การเคลื่อนไหวเชื่องช้า และสูญเสียความสมดุลไป
เมื่อโรคเสื่อมมากขึ้น คนไข้อาจเดินลำบาก พูดจาลำบากไม่ค่อยเป็นภาษา
ไม่สามารถทำงานง่าย ๆ ได้อีกต่อไป
เมื่อโรคได้ดำเนินไป ความหนักเบาของโรค มีต่างกัน บางคนเป็นมาก บางคนอาการมีน้อย
คนไข้ส่วนใหญ่ สามารถดำเนินชีวิตได้ยืนยาว แต่มีบางรายเท่านั้นอาการทรุด หนักอย่าง รวดเร็ว
จากสถิติพบว่า คนอเมริกา เป็นโรค “พาร์คินสัน” ประมาณ 1 ล้านคน
อีกประมาณ 5 ล้านคน พบได้ทั่วโลก
ส่วนใหญ่ โรคจะเกิดในคนมีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป
มีประมาณ 1 % พบในคนอายุ 60 ปี
อีกประมาณ 4 % พบในคนอายุ 80 ปี
เนื่องจากคนเรา มีอายุยืนยาวมากขึ้น ประมาณการว่า เราจะพบคนที่เป็นโรคนี้มากขึ้นใน อนาคต
ได้มีการบรรยายเกี่ยวกับโรค “พารคินสัน” ไว้ในสมัยก่อน 5000 BC
ในขณะนั้น ชาวอินเดียสมัยนั้น เรียกโรคนี้ว่า “Kampavata”
และใช้เมล็ดของพืชชนิดหนึ่ง ต่อมากเรารู้กันในนามว่า Levodopa ทำการรักษา
ในปี 1817 โรคนี้ ได้ถูกตั้งชื่อเพื่อให้เกียรติหมอชาวอังกฤษ นาม doctor James Parkinson ซึ่งตอนนั้น คุณหมอท่านนี้ได้ให้ชื่อโรคนี้ว่า โรค “Shaky palsy
Causes:
มีสารชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า “dopamine” มันทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท (messenger) ระหว่างสมองสองส่วน ที่เรียก substantia nigra และอีกส่วน หนึ่งเรียก corpus striatrum สารสื่อประสาทตัวนี้ จะทำให้การเคลื่อนไหวของ
ร่างกายให้เป็นไปอย่างปกติ
อาการส่วนใหญ่ของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว มีสาเหตุมาจาก ขาดสาร dopamine และที่เกิดการขาดดังกล่าว เป็นเพราะเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตสาร ดังกล่าว ซึ่งอยู่ใน substantia nigra เกิดตายไปนั้นเอง
เมื่อปริมาณของสาร dopamine ลดลง ทำให้การสื่อสารระหว่าง substantia nigra และ corpus striatum เสียไป
เป็นเหตุให้การเคลื่อนไหวแย่ลง
ยิ่งมีการสูญเสียสาร dopamine มากเท่าใด อาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวยิ่งเลวลงตามนั้น และนอกจากนั้น ยังพบต่อไปอีกว่า เซลล์อื่นๆ ของสมองก็เสียไปด้วย เป็นเหตุให้คนไข้ที่ เป็นโรค “พารคินสัน” มีอาการอย่างอื่น นอกเหนือการเคลื่อนไหว ปรากฏร่วมให้เห็น
การอักเสบ (infections) และ ความเครียด (stress) อาจมีส่วนทำให้เกิดเซลล์สมองเสื่อม ได้
นอกเหนือไปจากนั้น ยังพบว่า มีก้อนโปรตีน Lewy body ปรากฏอยู่ในเซลล์ที่ตายไป
นักวิทยาศาสตร์ต่างเชื่อว่า ปัจจัยทางพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม ต่างมีส่วนทำให้เกิดโรค ชนิดนี้
Next >
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น