เมื่อเพื่อนของเราต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งของตับ
อันมีเหตุมาจากการเป็นไวรัสตับอักเสบ....ทำให้เพื่อนฝูง ตั้งประเด็นขึ้นมากมาย
ผู้เขียนจึงเอาประเด็นต่างๆ มารวมเข้าด้วยกัน
แล้วเขียนเป็นเรื่องเป็นตอนๆ ให้พิจารณา...
ตับอักเสบ (hepatitis) เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกับตัวตับเอง
ซึ่งเราถือว่า เป็นโรคที่รุนแรงพอสมควร ส่วนใหญ่แล้ว มันมักเกิดจากเชื้อไวรัส
นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ตับอักเสบยังเกิดจากสาเหตุอย่างอื่นได้เช่นกัน
เป็นต้นว่า เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากการใช้ยา,
หรือดื่มสุราเมลัยถึงขั้นเป็นคนขี้เหล้า , จากสารเคมีต่างๆ, และจากพิษที่ได้จาก
ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเราเอง
เชื้อไวรัสตับอักเสบที่คนเขาพูดกัน มีหลายตัวด้วยกัน
เช่น Type A,B, C , D และ E ไวรัสตับอักเสบที่เรารู้กันมากที่สุด คือไวรัสตับอักเสบ A
เพราะไวรัสตัวนี้ มักจะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนเป็นส่วนใหญ่ โดยเชื้อไวรัสดังกล่าว
จะถ่ายทอดจากคนสู่คนทางอาหารการกิน หรือดื่มน้ำไม่สะอาด
ซึ่งถูกปนเปื้อนด้วยอุจจาระที่มีเชื้อไวรัสตัวดังกล่าว
บางคนอาจได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้ทางเพศสัมพันธุ์
โดยเฉพาะการแพร่กระจายเชื้ออาจเกิดก่อนที่จะมีอาการของโรคตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบ A ไม่เหมือนกับไวรัสตัวอื่นๆ...
กล่าวคือ เมื่อหายจากการเป็นโรค จะไม่มีไวรัสเหลือค้างในตัวคนไข้อีกต่อไป
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับไวรัสตัวนี้ คือ ด้วยการฉีดวัคคซีนป้องกัน
และรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองให้ดี
นั่นเป็นเรื่องสั้น ๆ เกี่ยวกับ ไวรัสตับอักเสบ A
สำหรับไวรัสตับอักเสบ B และ C ...สามารถเกิดขึ้นกับคนได้ทุกอายุขัย
ส่วนใหญ่ที่เกิดตับอักเสบจากไวรัส B มันจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ภายใน 6 เดือน
และการอักเสบแบบนี้เราเรียกว่า เป็นชนิดแฉียบพลัน
ส่วนที่เหลืออีก 10 % มันจะกลายเป็นพวกเรื้อรัง หรือ พวกหายช้านั่นเอง
โดยพวกนี้ มักไม่มีอาการแสดง หรือ ถ้ามี ก็เป็นอาการที่ไม่รุนแรง
เขาจึงเรียกพวกนี้ เป็นพวกพาหะ หรือ carriers
คนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B ชนิดเรื้อรัง จะทำให้ตับของเขาถูกทำลายอย่างถาวร
(permanent damage) รวมถึงการเกิดโรคตับแข็ง (cirrhosis)
และเป็นมะเร็งของตับในเวลาต่อไป
ท่านใดก็ตาม ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B ... ขอให้ทราบไว้ว่า
ท่านมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบจากเชื้อไวรัสอีกตัว คือไวรสตับอักเสบ D
ซึ่งแต่ก่อนเขาเรียกมันว่า delta virus
มีข้อที่น่าสังเกต คือ ไวรัสตับอักเสบ D จะมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ของคนเราได้
ก็ต่อเมื่อ มันเกิดร่วมกับ ไวรัสตับอักเสบ B เท่านั้น และเมื่อใดที่มันเกิดร่วมกันขึ้น...
เมื่อนั้น มันจะก่อให้เกิดปัญหาสองประการ หนึ่ง รักษายากขึ้น
และมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะตับแข็ง
และเป็นมะเร็งของตับได้เร็วขึ้น..
ส่วนไวรัสตับอักเสบ C ส่วนใหญ่ จะกระจ่ายสู่คนอื่นทางเลือด
เช่น การฉีดยาเข้าเส้น โดยใช้เข็มร่วมกันของพวกติดยา
ไวรัส ชนิดนี้ สามารถทำให้เกิดการอักเสบของตับแบบเฉียบพลัน หรือเป็นชนิดเรื้อรัง
หรือ แม้กระทั้งเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้.
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อ ไวรัส ตัวนี้....
สำหรับไวรัสตับอักเสบ E ในสหรัฐฯ เขามีน้อย ติดต่อทางด้านอาหารการกิน
หรือทางเครื่องดื่ม ที่ถูกปนเปื้อนกับอุจาระ ขณะนี้เรายังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อตัวนี้....
ให้ระมัดระวังเรืองสุขอนามัยเป็นประการสำคัญ
>> Next
อันมีเหตุมาจากการเป็นไวรัสตับอักเสบ....ทำให้เพื่อนฝูง ตั้งประเด็นขึ้นมากมาย
ผู้เขียนจึงเอาประเด็นต่างๆ มารวมเข้าด้วยกัน
แล้วเขียนเป็นเรื่องเป็นตอนๆ ให้พิจารณา...
ตับอักเสบ (hepatitis) เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกับตัวตับเอง
ซึ่งเราถือว่า เป็นโรคที่รุนแรงพอสมควร ส่วนใหญ่แล้ว มันมักเกิดจากเชื้อไวรัส
นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ตับอักเสบยังเกิดจากสาเหตุอย่างอื่นได้เช่นกัน
เป็นต้นว่า เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากการใช้ยา,
หรือดื่มสุราเมลัยถึงขั้นเป็นคนขี้เหล้า , จากสารเคมีต่างๆ, และจากพิษที่ได้จาก
ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเราเอง
เชื้อไวรัสตับอักเสบที่คนเขาพูดกัน มีหลายตัวด้วยกัน
เช่น Type A,B, C , D และ E ไวรัสตับอักเสบที่เรารู้กันมากที่สุด คือไวรัสตับอักเสบ A
เพราะไวรัสตัวนี้ มักจะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนเป็นส่วนใหญ่ โดยเชื้อไวรัสดังกล่าว
จะถ่ายทอดจากคนสู่คนทางอาหารการกิน หรือดื่มน้ำไม่สะอาด
ซึ่งถูกปนเปื้อนด้วยอุจจาระที่มีเชื้อไวรัสตัวดังกล่าว
บางคนอาจได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้ทางเพศสัมพันธุ์
โดยเฉพาะการแพร่กระจายเชื้ออาจเกิดก่อนที่จะมีอาการของโรคตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบ A ไม่เหมือนกับไวรัสตัวอื่นๆ...
กล่าวคือ เมื่อหายจากการเป็นโรค จะไม่มีไวรัสเหลือค้างในตัวคนไข้อีกต่อไป
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับไวรัสตัวนี้ คือ ด้วยการฉีดวัคคซีนป้องกัน
และรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองให้ดี
นั่นเป็นเรื่องสั้น ๆ เกี่ยวกับ ไวรัสตับอักเสบ A
สำหรับไวรัสตับอักเสบ B และ C ...สามารถเกิดขึ้นกับคนได้ทุกอายุขัย
ส่วนใหญ่ที่เกิดตับอักเสบจากไวรัส B มันจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ภายใน 6 เดือน
และการอักเสบแบบนี้เราเรียกว่า เป็นชนิดแฉียบพลัน
ส่วนที่เหลืออีก 10 % มันจะกลายเป็นพวกเรื้อรัง หรือ พวกหายช้านั่นเอง
โดยพวกนี้ มักไม่มีอาการแสดง หรือ ถ้ามี ก็เป็นอาการที่ไม่รุนแรง
เขาจึงเรียกพวกนี้ เป็นพวกพาหะ หรือ carriers
คนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B ชนิดเรื้อรัง จะทำให้ตับของเขาถูกทำลายอย่างถาวร
(permanent damage) รวมถึงการเกิดโรคตับแข็ง (cirrhosis)
และเป็นมะเร็งของตับในเวลาต่อไป
ท่านใดก็ตาม ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B ... ขอให้ทราบไว้ว่า
ท่านมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบจากเชื้อไวรัสอีกตัว คือไวรสตับอักเสบ D
ซึ่งแต่ก่อนเขาเรียกมันว่า delta virus
มีข้อที่น่าสังเกต คือ ไวรัสตับอักเสบ D จะมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ของคนเราได้
ก็ต่อเมื่อ มันเกิดร่วมกับ ไวรัสตับอักเสบ B เท่านั้น และเมื่อใดที่มันเกิดร่วมกันขึ้น...
เมื่อนั้น มันจะก่อให้เกิดปัญหาสองประการ หนึ่ง รักษายากขึ้น
และมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะตับแข็ง
และเป็นมะเร็งของตับได้เร็วขึ้น..
ส่วนไวรัสตับอักเสบ C ส่วนใหญ่ จะกระจ่ายสู่คนอื่นทางเลือด
เช่น การฉีดยาเข้าเส้น โดยใช้เข็มร่วมกันของพวกติดยา
ไวรัส ชนิดนี้ สามารถทำให้เกิดการอักเสบของตับแบบเฉียบพลัน หรือเป็นชนิดเรื้อรัง
หรือ แม้กระทั้งเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้.
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อ ไวรัส ตัวนี้....
สำหรับไวรัสตับอักเสบ E ในสหรัฐฯ เขามีน้อย ติดต่อทางด้านอาหารการกิน
หรือทางเครื่องดื่ม ที่ถูกปนเปื้อนกับอุจาระ ขณะนี้เรายังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อตัวนี้....
ให้ระมัดระวังเรืองสุขอนามัยเป็นประการสำคัญ
>> Next
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น