วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

About High Blood Pressure

ท่านอาจไม่รู้ว่า ตนเองมีความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานานปี
โดยที่ไม่มีอาการอะไรเลย
ท่านได้อยู่ภายใต้ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอันไม่พึงปรารถนา อย่างน้อยสองประการ
นั้นคือ โรคหัวใจขาดเลือด และออกซิเจน (heart attack)
และสมองขาดเลือด (stroke)

ความดันโลหิตสูง เป็นสภาะที่เลือดของคนเราวิ่งผ่านผนังเส้นเลือด
ด้วยความแรงที่มากพอสมควร
ความดันดังกล่าว จะมีขึ้น-ลงตลอดทั้งวัน เหมือนคลื่นในท้องทะเล
มันจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของคนเรา เมื่อเราปล่อยให้ความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน
โดยไม่ได้รับการรักษา
เช่น ก่อให้เกิดหัวใจขาดเลือด-ออกวิเจน (heart attack)
หรือสมองขาดเลือด (stroke)

มีคนตั้งฉายาให้ความดันโบหิตสูงว่า เป็นฆาตกรเงียบ
เพราะเหตุที่คนเราไม่ทราบว่ตนเองเป็นโรคดังกล่าว
ส่วนใหญ่จะไม่อาการใด ๆ


ในการตรวจวัดหาระดับความดันโลหิตนั้นไม่ใช้เรื่องยาก ไม่เจ็บปวดแต่อย่างใด
ความดันโลหิตเขาวัดออกมาได้เป็นสองตัวเลข (บน และล่าง):
ตัวบน (systolic) หมายถึงความดัน ที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดกระแทกผนังเส้นเลือด
ซึ่ง เกิดขึ้นในขณะกล้ามเนื้อหัวใจมีการบีบตัว (beat)
ตัวล่าง (diastolic) เป็ความดันในเส้นเลือดในระหว่างที่มีการบีบตัว (beats)

เมื่อวัดความดันของท่านวัดได้ ตัวบน 120 ตัวล่าง 80
เราจะบอกว่า ท่านมีความดัน 120 กับ 80 หรือ 120/80 mmHg.

ปรากฏว่า มีหลายท่านโดยเฉพาะคนสูงอายุ ยังสับกับระดับความดันหิตของตนเอง
เพราะท่านเหล่านั้นได้รับการบอกเล่าว่า ความดันโลหิตของท่าน วัดได้ 160/80 mmHg
ถือว่าปกติสำหรับคนสูงอายุ

เพื่อความเข้าใจถูกต้อง ระดับความดันโลหิตถุงแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

o Normal Blood pressure: ความดันของท่านหากวัดได้ต่ำว่า 120/80 mmHg
ถือว่าความดันของท่านปกติ แพทย์บางท่านแนะนำว่า ควรเป็น 115/75
หากปล่อยให้สูงกว่าระดับปกติ...ท่านจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของระบบเส้นเลือด และหัวใจขึ้น

o Prehypertension. เมื่อใดก็ตามที่ความดันโลหิตของท่านอยู่ระหว่าง 120 – 139 mmHg
(ตัวบน) ตัวล่างอยู่ระหว่าง 80 ถึง 89 mmHg
ถือว่า ท่านอยู่ในขั้นของ "ก่อนเป็นโรคความดัน" ไม่ถือว่าปกติ
ซึ่งจะทำให้ระบบหัวใจ และเส้นเลือดเลวลงเมื่อเวลาผ่านไป

o Stage 1 Hypertension. เมื่อวัดความดันตัวบน (systolic) ได้ตัวเลข 140 – 159 mmHg.
วัดตัวล่างได้ 90 – 99 mmHg

o Stage 2 Hypertension เมื่อเราวัดความดันตัวบนได้ มากว่า 160 mmHg
o และตัวล่างได้มากว่า 100 mmHg

การวัดความดัน ตัวเลขที่วัดได้ทั้งสองค่า (บน-systolic และล่าง-diastolic) ต่างมีความสำคัญ
สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 50 ขึ้นไป การอ่านค่าของความดันตัวบน จะมีความสำคัญในกรณีที่เป็น
Isolated systolic hypertension (ISH) - วัดตัวล่าง (diastolic)มีค่าปกติ
ส่วนตัวบนวัดค่าได้ค่าสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนสูงอายุเป็นส่วนใหญ่....
เราไม่ถือว่าปกติดังที่เข้าใจกัน

ก่อนที่จะมีการวินิจฉัยว่า เป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ แพทย์เขาจะวัด 2 – 3 ครั้งในวัน เวลาที่ต่างกัน
ด้วยเหตุผลว่า ความดันของคนเราจะไม่คงที่ มีการสวิงขึ้นลงตลอดวัน
และบางครั้ง เมื่อมาพบแพทย์ ความดันจะสูง เขาเรียก White coat hypertension
(ถ้าเป็นไปได้ ท่านควรวัดความดันของทานเองที่บ้าน และขณะทำงาน... เพื่อเปรียบเทียบ)

สาเหตุ:

ในคนเป็นความดันโลหิตสูง มีด้วยกันสองชนิดด้วยกัน

Primary (essential) hypertension:

ในคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคความดันสูง เราจะมสามารถทราบได้ว่า สาเหตุจากอะไร
เราเรียกพวกนี้ว่า essential hypertension หรือ Primary hypertension
พวกนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป

Secondary hypertension:

มีคนบางคน เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยมีสาเหตุอยู่เบื้องหลัง
เราจึงเรียกความดันโลหิตสูงชนิดว่า เป็น Secondary hypertension
ความดันชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วกว่าพวกชนิดแรก

สาเหตุที่ทำให้เดความดันชนิดนี้ ได้แก่:

o โรคไต (Kidney problems)

o มะเร็งต่อมเหนือไต (Adrenal gland tumours)

o ความบกพร่องของเส้นเลือดแต่กำเนิด (congential)

o รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัด (cold pills)

o รับ...ยาผิดกฎหมาย เช่ cocaine amphetamine


Cont..> Risk factors (2)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น