วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

เบาหวาน: Diabetic complication- Nephropathy (3)

Long-term complication

ภาวะแทรกซ้อนชนิดที่ต้องใช้ระยะเวลา (long-term) จะแตกต่างจากชนิดที่เกิดในระยะสั้น
เมื่อภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว เกิดแล้วยากที่จะหายได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องใช้เวลานั้น จะมีส่วนสัมพันธ์กับเส้นเลือด
ซึ่งทีทำหน้าที่ส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

แม้ว่า นักวิทยาศาสตร์จะไม่ทราบว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
เขาคิดว่า จากการมีน้ำตาล ที่มีความเข็มข้นสูงๆ อยู่ในกระแสเลือดป็นเวลานาน
จะทำให้กเกิดอันตราย (damage) และทำให้เส้นเลือดต่าง ๆ เสื่อมสภาพลง
(impaired blood vessels)
เป็นเหตุให้อวัยวะนั้น ไม่ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงได้เพียงพอ
เป็นเหตุให้เกิดความผิดปกติตามมา


Nephrompathy:

โรคไตที่เกิดจากเบาหวาน ชื่อเรียกเต็มยศว่า Diabetic nephropathy
เป็นโรคไตชนิดหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะไตวาย (kidney failure) ขึ้นในที่สุด
โรคไตชนิดนี้ (nephropathy) จะเกิดขึ้นในคนที่เป็นเบาหวานมานานกว่า 20 ปี หรือมากกว่า
มันจะเกิดภาวะเช่นนี้ขึ้นประมาณ 1/3 ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน

จากการการรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งนอกจากมีวีการที่ดีแล้ว
ยังมีการเน้นย้ำให้มีการควบคุมระดับน้ำตาลเป็นพิเศษ
จึงทำให้อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคดังกล่าวลดลง
นั่นเป็นเรื่องของต่างประเทศของเขา..สำหรับของไทยเรา
โดยเฉพาะคนที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญยังเป็นปัญหา

ลองมาพิจารณาดูว่า อะไรเกิดขึ้น ?

เมื่อคนเป็นเบาหวาน ทำไมจึงเกิดโรคไตขึ้น (nephropathy)

ไตเป็นอวัยวะที่สำคัญ อยุ่ในตำแหน่งไกล้กับบั้นเอว
ภายในเนื้อไต มีเส้นเลือดขนาดเล็กๆเรียกว่า Glomeruli
ซึ่งทำหน้าที่กรองเอาของเสีย รวมทั้งพิษ จากกระแสเลือดออกทิ้งทางปัสสาวะ
ส่วนของที่เป็นประโยชน์ เช่น โปรตีน และน้ำตาล
จะถูกส่งกลับสู่กระแสเลือด

ในภาวะที่เกิดโรคไต nephropathy ซึ่งมีความเข็มข้นของน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
จะเป็นเหตุให้เส้นเลือดที่อยู่ในไตแข็งตัวขึ้น ทำให้เกิดมีการทำลาย glomeruli

เมื่อเส้นเลือดใน Glomeruli ถูกทำลายลง ทำให้ไตทั้งสอง
ไม่สามารถทำหน้าที่กรองของเสียได้ จึงต้องลงเอยด้วยการล้างเลือด (dialysis)
หรือทำการรักษาด้วยวิธีเปลี่ยนไตเทียมต่อไป

โรคไตชนิดนี้ นอกจากเกิดจากโรคเบาหวานแล้ว ยังมีสาเหตุอย่างอื่นอีก เช่น ความดันโลหิตสูง
เส้นเลือดแข็ง (arteriosclerosis) สูบบุปรี่
และมีระดับไขมัน cholesterolในกระแสเลือดสูง
ต่างมีส่วนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

การอักเสบของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยได้บ่อย จะเป็นการเพิ่มปัญหาขึ้นกับไต
เกิดการอักเสบที่เกิดขึ้น จะมีการแพร่กระจายไปที่ไตได้
และทำให้มีการทำลายไตไปในที่สุด

อาการเตือน ที่บ่งบอกให้ทราบว่าเป็นโรคไต ได้แก่ปัญหาเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะ
เช่น มีเลือดในปัสสาวะ และมีการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ
ซึ่งสามารถยืนยันได้ โดยการตรวจเลือด และการตรวจปัสสาวะ

เมื่อไตไม่สามารถรักษาโปรตีน และน้ำตาลในกระแสเลือดได้ จึงทำให้ราเห็นมีน้ำตาล
และโปรตีนถูกขับออกทางปัสสาวะ

จากการตรวจเลือด สามารถพบเห็น ระดับของ Urea nitrogen
และ creatinine ในระดับสูงสูง ซึ่งตัวชี้บ่งให้ทราบว่าไตถูกทำลาย (kidney damage)

เราจะจัดการกับปัญหาอย่างไร?

สิ่งที่เราจะต้องทำ คือ หยุดยั้งไม่ให้ไตถูกทำลาย ก่อนที่มันจะดำเนินถึงขั้นสุดท้าย
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือ จัดการกับการอักเสบติดเชื้ออย่างจริงจัง
การอักเสบที่เกิดขึ้น สามารถกระจายไปยังไต เป็นเหตุทำให้ไตสูญเสียการทำงานไปในที่สุดได้

เมื่อตรวจพบว่า มีปัญหาของไตเกิดขึ้น (nephropathy) แพทย์จะแนะนำให้ทำการควบคุมระดับ
น้ำตาลให้กลับสู่ระดับปกติให้ได้
ลดอาหารที่เป็นโปรตีนลง เป็นการลดการทำงานของไตลง
และจากผลการศึกษาในระยะเร็วๆ นี้ แนะนำให้ใช้ยาลดความดัน Enalapril ...
ซึ่งอาจช่วยรักษาการทำงานของไตได้


Cont. > (4)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น