วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โรคหืด (ASTHMA)

11/30/12


โรคหืดจัดเป็นเรื้อรังชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีความผิดปกติที่ทางเดินของหลอด- เกิดแคบ และบวม
และมีมีการปล่อยน้ำเมือกออกมามากผิดปกติ  ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก,  ไอ, หายใจมีเสียงหวีดและหายใจติดขัด (หายใจสั้น  และถี่)

ในบางคน  อาการของโรคที่เกิดขึ้น  ไม่รุนแรง เป็นแค่ก่อให้เกิดรำคาญเท่านั้น


แต่ในรายอื่น  อาการที่เกิดขึ้น  
มักจะมีอาการรุนแงถึงขั้นทำให้
วิถีชีวิตปลี่ยนไป


โรคดังกล่าวเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

แต่เป็นโรคที่สามารถควบคุมได้  และเนื่องจากโรคมีการเปลี่ยน
แปลงตามเวลาที่ผ่านไป  การปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาจึงเป็นเรื่อง
ที่สำคัญ


เราจะวินิจฉัยโรค

ในการวินิจฉัยโรคหืดก็เหมือนกับการวินิจฉัยโรคอื่น ๆ
ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ได้จากการซักประวัติความเจ็บป่วย
มีการตรวจร่างกาย  มีการตรวจด้วยิธีกาพิเศษเพื่อยืนยันคำวินิฉัย


ในการซักประวัติ  และการตรวจร่างกาย:
เรื่องราวต่างๆ  ที่ท่าน (คนไข้) บอกกับแพทย์ผู้ทำการรักษา
จัดเป็นเบาะแสที่สำคัญ  ที่จะนำไปสู่คำวินิจฉัยว่า  ท่านเป็นโรคหืดหรือไม่?
มีคำถามมากมาย  ที่แพทย์เขาจะตั้งคำถาม
เกี่ยวกับการหายใจของท่าน

นี่คือตัวอย่าง
ของการสนทนาระหว่างคนไข้  และแพทย์ผู้ทำการรักษา

Ø  ให้ท่านอธิบายความรู้สึกที่เกิดในขณะหายใจลำบาก
Ø  ให้ท่านลองนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีอาการหายใจลำบาก
Ø  ท่านเคยตื่นนอนกลางดึก...เพราะหายใจลำบากหรือไม่ ?
Ø  ท่านเคยมีอาการไอในตอนกลางคืน...ส่วนกลางวันไม่มีอาการ...?
Ø  ท่านเคยเลี้ยงสัตว์ (หมา หรือ แมว...) มาบ้างหรือไม่ ?
Ø  ท่านเคยได้รับงานใหม่  หรือเคยตกงาน  ?
Ø  ...สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง...อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการ ?
Ø  และอื่น ๆ


ในระหว่างการพูดคุยกับแพทย์...
ท่านอาจสังเกตุพบว่า  แพทย์เขาจ้องหน้าท่านอย่างไม่เกรงใจ
เพราะเขาต้องการสังเกตุดูอาการของท่านว่า  มีอะไรผิดปกติ
เช่น  อาจมัปัญหาในด้านการพูด  มีอาการหายใจลำบาก  มีการ
ออกแรงมากกว่าปกติในขณะหายมจเข้าหรือออก

จากนั้น...
ท่านจะเห็นแพทย์เขาใช้ เครื่องฟังปอด stethoscope วางบนอก
ของท่าน  พร้อม ๆ กับบอกให้ท่านหายใจเข้าออกลึก ๆ
โดยที่แพทย์เขาพยายามฟังเสียลมหายใจที่เป็นสเสียง "หวีด"
ในขณะหายใจออก   ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นในคนที่เป็น
โรคหืด

ในการหายใจออก  ถ้าหากท่านใช้เวลานานกว่าเวลาหายใจเข้า
อาจเป็นร่องรอย หรือเป็นเบาะแสให้สงสัยว่า
ท่านอาจเป็นโรคหืด...
นอกจากนั้น  แพทย์เขาอาจมองหาเบาะแสอย่างอื่น ๆ
ซึ่งเป็นต้นเหตุของการหายใจลำบาก
เช่น  pneumonia  หรือ โรคหัวใจล้มเหลว  เป็นต้น

จากข้อมูลที่แพทย์ได้รับ...
ถ้าแพทย์เขาสงสัยว่า  ท่านเป็นโรคหืดจริงหรือไม่ ?
เขาจำเป็นต้องการตรวจด้วยด้วเครื่องมือที่มีชื่อว่า peak flow meter
นอกจากนั้น  ท่านอาจได้รับการตรจดูระดับของออกซิเจนในเลือด


การวินิจฉัย  และการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ
เมื่อแพทย์เขาคิด หรือสงสัยว่า ท่านเป็นโรคหืด
วิธีการทั่วไป  ที่แพทย์นำมาใช้ในการตรวจเพื่อยืนยันข้อสงสัย
ว่าท่านเป็นโรคหืดจริงหรือไม่  โดยแพทย์จะให้ยาพ่น (inhaler)
แก่ท่าน  หรือให้ท่านหายใจเอายาจากเครื่องพ่น nebulizer
โดยยาที่หายใจเข้าไป  จะทำให้หลอดลมขยายตัว 
ทำให้หายใจดีขึ้น
ถ้าหากวิธีการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ปราศจากผล
แพทย์อาจจำเป็นต้องตรวจอย่างอื่นต่อไป  ด้วยการใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่ง ดังต่อไปนี้
·        Methacholine challenge test
·        Chest X-ray

การตรวจการทำงานของปอด (Pulmonary function test)

เป็นวิธีการที่มีความสลับซับซ้อน  และกระทำโดยผ่านรูปแบบของ peak flow Meter 
ซึ่งท่าน (คนไข้) จะต้องหายใจผ่านเข้าเครื่อง
ซึ่งแพทย์สามารถวัดอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับการทำงานของปอด

นอกจากการตรวจความแข็งแรง (strength) ของปอดแล้ว  เครื่องยังสามารถ
บอกให้เราได้ทราบว่า  ปอดของท่านสามารถสดเอาอากาศเข้าไปได้มากน้อยแค่ใด ?  
และในขณะเดียวกัน  มันยังสามารถบอกให้ทราบถึงอาการแสดงว่า 
เนื้อปอดของท่านถูกทำลายมากน้อยแค่ใด


ถ้าแพทย์ให้ท่านได้รับยา (สูดเอายาเข้าปอด) ขยายทางเดินของลมหายใจ  
และปรากฎว่า อาการของท่านดีขึ้น...
ท่านนาจะเป็นโรคหืด..

ในคนที่เป็นโรคหืดหอบ (asthma)...
โรคหืดจะไม่มีการทำลายของเนื้อปอด (air sacs) เลย
แม้ว่าคนไข้รายนั้นจะมีอาการหอบหืดอย่างรุนแรงก็ตามที
นั้นย่อมแสดงให้เราได้รทราบว่า  โรคหืดเป็นปัญหาของทางเดินของลมหายใจ (air tubes)  
ไม่ใช่ปัญหาของเนื้อปอด (air sacs)
ซึ่งเป็นที่ ๆ มีการแลกเปลี่ยนอากาศ (ออกซิเจน & คาร์บอนไดออกไซด์)

สำหรับโรคชนิดอื่นๆ  เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (หลอดอักเสบเรื้อรัง +ถุงลมโป่งพอง)
ในคนไข้พวกนี้จะพบการทำลายของเนื้อปอด (ดังรูป)


เป็นอีกวิธีหนึ่ง  ซึ่งถุูนำมาใช้เพื่อยืนยันคำวินิจฉัยโรคหืด...
ซึ่งจะกระทำพร้อม ๆ กับการตรวจการทำงานของปอด (pulmonaryfunction test)
โดยแพทย์ผู้ตรวจจะให้ทานสูดเอายา methacholine
ซึ่งยาจะทำให้ทางเดินของลมหายใจแคบลง (constricts)  
จากนั้น แพทย์จะให้ยาขยายหลอดลมตาม

ในคนไข้ที่มีความไว (sensitive) ต่อยา methacholine 
และตอบสนองต่อยาขยายหลอดลม...
เขาน่าจะเป็นโรคหืดหอบ

อย่างไรก็ตาม การตรวจดังกล่าวใช่ว่าจะให้ผล 100 % เสียเมื่อไหร่ละ...
คนไข้อาจได้ผลการตรวจเป็นบวก แต่เขาไม่ได้เป็นโรคหืด...
หรือผลการตรวจเป็นลบ  เขาดันเป็นโรคหืดก็ได้
ถึงกระนั้นก็ตาม  การตรวจ methacholine  เพียงแต่บอกว่า 
มันน่าจะใช้โรคหืด!
.
สุดท้ายท่านอาจได้รับการตรวจเอกซเรย์ปอด
และถึงแม้ว่า การตรวจดูภาพเอกซเรย์ปอด  ไม่ได้ช่วยในการวินิจฉัยโรคหืด   
 แต่มันสามารถนำไปใช้ในการแยกโรคอย่างอื่น
ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาด้านการหายใจลำบากคล้ายหืดได้
เช่น pneumonia    และโรคหัวใจล้มเหลว...


Adapted from:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น