10/13/12
ลองถามบุคคลทั่วไปว่า...
ระหว่างโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ....กลัวโรคอะไรมากที่สุด ?
คำตอบที่ได้จะเป็นกลัวมะเร็งมากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้พบสถิติจากสหรัฐฯ...
แม้ว่า ในแต่ละปีจะมีคนเสียชีวิตจากโรคหัวใจถึง 617,000 คน และมีคน
เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 566,000 ต่อปี คนก็ยังมีคามกังวล และกลัวมะเร็ง
มากกว่าโรคหัวใจอยู่ดี
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?:
ตามสถิติไม่ได้อธิบายว่า ทำไมคนเราจึงกลัวมะเร็งมากกว่าโรคหัวใจ
จากการที่เคยสัมผัสกับคนที่เป็นมะเร็ง...
พบว่า คนไข้ส่วนใหญ่ที่รับทราบว่า ตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ความรู้สึกที่เกิด
ขึ้นจะเหมือนกับคำตัดสินประหารชีวิต
ด้วยเหตุดังกล่าว มีบ่อยครั้งที่แพทย์จะไม่ยอมบอกให้คนไข้ได้ทราบว่า...
เขาเป็นมะเร็ง แต่จะบอกให้ญาติได้ทราบแทน
มีนักวิจัยจนวนหลายนายจาก Harvard School of Public Health
ได้รายงานว่า ประมาณ 75 % ของคนที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในสหรัฐฯ
สามารถป้องกันได้ ยกตัวอย่าง เช่น การสูบบุหรี่, ความอ้วน และเรื่อง
อาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ....เป็นสาเหตุทำให้ความตายจากมะเร็งถึง 60 %
ในปี 1996 Harvard report Cancer Prevention, Cancer Causes &
Control รายงานเอาไว้ว่า การวินิจฉัยมะเร็งได้เร็วเป็นสิ่งสำคัญ
เครื่องมือสำคัญสำหรับตรวจมะเร็งได้แต่เนิน ๆ
การตรวจคัดกรองต่าง ๆ สามารถตรวจพบมะเร็งได้ก่อนที่มันจะแสดงอาการ
หรือบางทีสามารถพบได้ในระยะแรกๆ ของการเกิดโรค
วิธีการตรวจที่ท่านควรทราบได้แก่:
§ ในคนอายุระหว่าง 15 – 35 ควรทำการตรวจลูกอัณฑะด้วยแพทย์เป็นระยะ
และหลังจากนั้น ให้ทำการตรวจด้วยตนเอง หากพบสิ่งผิดปกติสามารถจัดการได้ไว
§ คนที่มีอายุมากกว่า 50 ควรได้รับการตรวจคดกรองดูมะเร็งของลำไส้ใหญ่
นอกจากนั้น อาจตัดสินใจตรวจคัดกรองดูมะเร็งของต่อมลูกหมาก ด้วยการตรวจ PSA test
§ ชายทุกคน ควรตรวจดูตัวเองว่า ไฝที่ปรากฏบนผิวหนังของเราเกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้น
เช่น ขนาดโตขึ้น, คัน หรือเจ็บ...ควรรีบตัดออกเสีย
อาการต่อไปนี้ เป็นอาการเตือนให้ทราบว่า มันอาจเป็นอาการของมะเร็งก็ได้
ซึ่ง the American Cancer Society ได้แนะนำข้อมูล (อาการ) สำหรับให้
สงสัยเอาไว้ว่า เขาอาจเป็นมะเร็งได้ ดังนี้:
§ แผลไม่หายสักท
§ มีเลือดออก หรือมีหนองไหลที่ไม่ธรรมดา
§ มีก้อนที่บริเวณเต้านม หรือส่วนอื่นของร่างกาย
§ อาหารไม่ย่อย หรือกลืนอาหารลำบาก
อาการต่างๆ ที่เสนอมาเป็นเป็นข้อมูลที่หยาบมาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว อาการ
ที่เสนอมาสามารถเกิดจากโรคต่างๆ ที่ไม่ใช้มะเร็งได้ ยังมีอาการอย่างอื่น เช่น
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็เป็นอาการอย่างหนึ่งควรทำให้สงสัยได้
บัญญัติ 10 ประการสำหรับป้องกันมะเร็ง
ในปี 2011 the American Cancer Society ได้ประเมินเอาไว้ว่า
วิธีการง่ายๆ สามารถป้องกันไม่ให้ชาวอเมริกันไม่ให้สูญเสียชีวิตได้ปีลำ 2.6 ล้าน
โดยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้:
2. รับประทานอาการสุขภาพ. เช่นไม่รับประทานอาหารประเภทไขมันอิ่มตัวและเนื้อแดง
เพราะพวกนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่,
งดเว้นจากการรับประทานอาหารทอด...
ให้รับประทานพวกผักเยอะๆ ผลไม้ และพวกเมล็ด และธัญพืช
และอย่าลืมรับทานพวกปลา อาทิตย์ละสองสามครั้ง มันสามารถป้องกันไม่เกิดโรคหัวใจ
และมะเร็งของต่อมลูกหมาก
3. ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของการเป็น
มะเร็งลำไส้ มันอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
การออกกำลังกาย สามารถป้องกันไม่ให้สตรีเกิดมะเร็งของเต้านม
และมะเร็งระบบสืบพันธ์ของสตรีได้อีกด้วย
4. อย่าปล่อยให้อ้วน เพราะความอ้วน เพราะความอ้วนสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อ
การเกิดมะเร็งชนิดต่าง ๆ ซึ่งท่านสามารถกรทำได้ด้วยการออกกำลังกาย
5. จำกัดการดื่มแอลกอฮอลล์ วันหนึ่งไม่เกินหนึ่งถึงสองแก้ว การดื่มมากจะเพิ่มความ
เสี่ยงจากการเกิดมะเร็งของปาก, มะเร็งของหลอดลม, ท่ออาหาร, ตับ, และลำไส้ใหญ่,
หลีกเลี่ยงจากการเผชิญสารกัมมันตรังสีทุกชนิด
การตรวจด้วยภาพให้กระทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น การตรวจ CT
ถ้าตรวจครั้งเดียวอาจไม่เป็นไร หากตรวจมากครั้ง
สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
6. ปกป้องตัวเองจากสารกัมมันตภาพรังสีที่มีตามธรรมชาติ เช่น แก๊ส radon
ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้
การทาครีมกันแสง ultraviolet สามารถป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็ง melanoma
7. อย่าไปสัมผัสสารก่อมะเร็งในโรงงาน กับสารพิษจากสภาพแวดล้อม เช่น asbestos fibers, benzene, aromatic amines และ polychlorinated phenols (PCBs).
8.หลีกเลี่ยงจากการอักเสบ ซึ่งสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งรวมถึง Helicobacter pylori, hepatitis viruses, HIV และ human papillomavirus.
9. ให้พิจารณารับประทาน aspirin ในขนาดน้อย เราจะพบว่า ชายที่รับทานยา aspirin หรือ NSAIDs ตัวอื่น ปรากฏว่าสามารถลดความเส่ยงต่อการเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้
และบางทีอาจลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของต่อมลูกหมากได้
10. รับทาน vitamin D ให้เพียงพอ ( 800 -1,000 IU ต่อวัน) ,มีหลักฐานชี้นำว่า Vitamin D สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งอื่น ๆ
โดยสรุปแล้ว โรคมะเร็งไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับส่วนใดของร่างกาย เมื่อมันเกิดกับใครแล้วย่อมเป็นเรื่องไม่ดีทั้งนั้น เมื่อมีใครสักคนแนะนำให้ทำอะไร แต่เมื่ออ่านดูแล้วเราจะไม่เชื่อกับข้อเสนอทั้งหมด แต่โดยรวมแล้วคำแนะนำที่เสนอโดย Dr. Harvey Simon , Harvard Medical School น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และสามารถป้องกันโรคหัวใจของเราได้
http://www.intelihealth.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น